จากที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานร่วมการประชุมคณะกรรมการอำนวยการ เพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการผ่อนคลายกิจกรรมในสถานกักกันตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศ เตรียมจัดทำหลักเกณฑ์มาตรฐานกลาง เพื่อรองรับการเปิดประเทศในอนาคต พร้อมเห็นชอบรูปแบบการท่องเที่ยว 3 พื้นที่ ภูเก็ต สมุย และเชียงคาน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติ อย่างปลอดภัย เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น
เขตสุขภาพที่ 8 ทั้งนี้ได้กำหนดพื้นที่ของ ต.เชียงคาน อ.เชียงคาน จ.เลย เป็นแหล่งรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเข้ามาพักผ่อน ตามนโยบายมาตรการผ่อนคลาย โดยกำหนดเส้นทางการท่องเที่ยวพร้อมมาตรการในการดูแลในแต่ละพื้นที่ พร้อมจัดกิจกรรมผ่อนคลายตามแนวเส้นทางและจุดพักผ่อน ซึ่งมาตรการ และการกำหนดเส้นทางการ ท่องเที่ยว โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จะเข้าพัก ต้องมีผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นลบไม่เกิน 72 ชั่วโมง มีระบบประกันสุขภาพ และได้รับวัคซีนโควิด-19 จากประเทศต้นทางมาแล้ว
ขณะที่ อ.เชียงคาน จ.เลย มีมาตรการด้านความปลอดภัยโควิด-19 โดยมีมาตรการให้ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงผู้ให้บริการต้องได้รับวัคชีนครบตามเป้าหมาย ได้แก่ จุดตรวจคนผ่านเข้าเมือง จ.หนองคาย เป้าหมายได้รับวัคซีน 500 คน จุดสนามบินนานาชาติอุดรธานี เป้าหมายรับวัคซีน 1,000 คน พื้นที่กักตัว อ.สังคม และ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย พื้นที่ละ 300 คน พื้นที่พักผ่อน ตามกิจกรรมผ่อนลาย ของ ต.เชียงคาน อ.เชียงคาน จ.เลย โดยเน้นการจัดกิจกรรมในพื้นที่ และนอกสถานที่ ประชาชนชาวเชียงคานต้องได้รับอย่างน้อยร้อยละ 70 หรือ ประมาณ 42,675 คน จากประชากรทั้งหมด 60,965 คน
ส่วนเส้นทางการท่องเที่ยวนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจาก สะพานมิตรภาพไทย-สาว และสนามบิน อุดรธานี และเข้ากักตัว ที่ รพ.ท่าบ่อ และ รพ.สังคม จ.หนองคาย โดยจะมีการจัดรถบริการควบคุมตามมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อรับนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่มที่ผ่านเกณฑ์มายังที่พัก ที่ อ.เชียงคานเน้นการจัดกิจกรรมในบริเวณที่พักผ่อนและนอกบริเวณ ได้แก่ การจัดทำกิจกรรมตามแนววัฒนาธรรม วิถีชุมชน การตักบาตรตอนเช้า การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ล่องแม่น้ำโขง การนวดด้วยสมุนไพรท้องถิ่นและกัญชาเพื่อสุขภาพ รวมถึงการจัดเยี่ยมชมแนวกัญชา