svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

บทเรียนจากสิงคโปร์ กับ 6 จุดอ่อนที่ต้องระวัง

วานนี้(20 เม.ย.63) เพจศูนย์ข้อมูล COVID-19 เผยแพร่ข้อมูล บทเรียนจากสิงคโปร์ กับ 6 จุดอ่อนที่ต้องระวัง โดยะบุรายละเอียดว่า ประเทศสิงคโปร์ซึ่งประสบความสำเร็จในระยะแรกของสงครามกับโควิด-19 โดยสามารถชะลอการระบาดได้กว่า 3 เดือน แต่ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจำนวนผู้ติดเชื้อได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด มีจุดอ่อนสำคัญ 6 จุด ที่ต้องระมัดระวัง และเป็นบทเรียนสำหรับประเทศอื่นๆด้วย

วช. วิเคราะห์  6 จุดอ่อนที่ส่งผลให้เส้นกราฟผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของสิงคโปร์ พุ่งแซงประเทศในกลุ่มอาเซียน ทั้งหอพักคนงานต่างชาติ -คนกลับมาจากต่างประเทศ -ไม่ปฏิบัติตามกฎ Social Distancing - บ้านพักคนชราเสี่ยงป่วยหนัก - ศูนย์เลี้ยงเด็กเล็ก รร.เตรียมอนุบาล เด็กเป็นพาหะของโรคที่ไม่แสดงอาการ และที่สำคัญ  20% พนง.ในสิงคโปร์ ยังคงต้องทำงาน

บทเรียนจากสิงคโปร์ กับ 6 จุดอ่อนที่ต้องระวัง


เห็นได้ชัด จากสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในอาเซียน ตัวเลข ณ วันที่ 19 เมษายน 2563 เวลา 19.30 น. พบว่า  สิงคโปร์ จำนวนผู้ติดเชื้อยังสูงต่อเนื่อง ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในอาเซียน ทั้งจำนวนรวมและจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ ขณะที่ พม่า มีรายงานผู้ติดเชื้อ 107 รายแล้ว
- สิงคโปร์ +596 ราย (รวมติดเชื้อสะสม 6,588 ราย) 
- อินโดนีเซีย +327 ราย (รวมติดเชื้อสะสม 6,575 ราย)
- ฟิลิปปินส์ +172 ราย (รวมติดเชื้อสะสม 6,259 ราย)
- มาเลเซีย +84 ราย (รวมติดเชื้อสะสม 5,389 ราย)
- ไทย +32 ราย (รวมติดเชื้อสะสม 2,765 ราย)
- พม่า +9 ราย (รวมติดเชื้อสะสม 107 ราย)
- บรูไน +1 ราย (รวมติดเชื้อสะสม 138 ราย)
- เวียดนาม +0 ราย (รวมติดเชื้อสะสม 268 ราย)
-กัมพูชา +0 ราย (รวมติดเชื้อสะสม 122 ราย) 
- ลาว +0 ราย (รวมติดเชื้อสะสม 19 ราย)บทเรียนจากสิงคโปร์  ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านวิจัยและวิชาการ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ได้วิเคราะห์  6 จุดอ่อนที่ส่งผลให้เส้นกราฟผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของสิงคโปร์ พุ่งแซงประเทศในกลุ่มอาเซียน

1. หอพักคนงานชาวต่างชาติ
สิงคโปร์มีพนักงานชาวต่างชาติ 1,400,00 คน ทั้งวิชาชีพชั้นสูงและผู้ใช้แรงงาน โดยเป็นคนทำงานก่อสร้าง 284,000 คน และคนทำงานบ้าน 255,000 คน คนงานชาวต่างชาติพักอยู่ในหอพัก ซึ่งอยู่กันอย่างแออัด ผู้ติดเชื้อกว่าครึ่งพักอยู่ในหอพักเหล่านี้ พบผู้ติดเชื้อกว่า 2,000 รายจาก 19 หอพักในจำนวน 43 แห่ง
ประกาศให้ 12 หอพักเป็นพื้นที่กักกันโรคเป็นเวลา 14 วัน
หอพักที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดคือ S11 Dormitory @ Punggol มีผู้ติดเชื้อ 979 ราย

บทเรียนจากสิงคโปร์ กับ 6 จุดอ่อนที่ต้องระวัง


2.คนสิงคโปร์ที่กลับมาจากต่างประเทศ
มีคนสิงคโปร์กลับมาจากต่างประเทศในช่วงหลังเป็นจำนวนมาก รัฐบาลให้ทำ Home quarantine เองที่บ้าน 14 วัน (ประเมินว่า จะมีผู้ติดเชื้อหลุดเข้ามาประมาณ 500 คนที่ตรวจไม่เจอตอนที่เข้าประเทศ) ตอนกักตัวเองอยู่ที่บ้านคนจำนวนหนึ่งไม่ได้เข้มงวดมากนัก มีการสัมผัสกับคนในบ้าน ทำให้แพร่ต่อภายในบ้าน/ครอบครัว แล้วต่อมาก็กระจายไปให้คนอื่นต่อ
รัฐบาลจึงต้องปรับนโยบายให้ทำ Government quarantine (State quarantine)
3.ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing)
คนที่อยู่ร่วมกลุ่มกันหรือมีกิจกรรมอย่างใกล้ชิดอาจเกิดเหตุการณ์ "Super spreader" ที่นำไปสู่การติดเชื้อจำนวนมาก เช่น งานเลี้ยงอาหารค่ำ SAFRA Jong ซึ่งทำให้มีผู้ติดเชื้อกว่า 47 ราย
รัฐบาลต้องแนะนำให้มีกิจกรรมทางสังคมฉพาะกับสมาชิกในครอบครัวที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันเท่านั้น ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมทางสังคมทั้งในและนอกบ้าน เช่น รับประทานอาหารกับคนที่ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน และพบปะเพื่อนฝูงในสวนสาธารณะ เป็นต้น ควรอยู่บ้านให้มากที่สุดเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
การออกจากบ้านโดยไม่จำเป็นหรือไม่สวมหน้ากากเมื่อออกไปข้างนอก มีความเสี่ยงอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรือมีอาการแต่ไม่รุนแรง เพราะสามารถแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น
สิงคโปร์ต้องใช้เจ้าหน้าที่กว่า 3,000 คนเพื่อดูแลให้ปฏิบัติตามมาตรการ มีการออกคำเตือนมากกว่า 6,200 ครั้ง และปรับมากกว่า 1,000 ครั้ง ตั้งแต่ที่เริ่มประกาศใช้มาตรการ

บทเรียนจากสิงคโปร์ กับ 6 จุดอ่อนที่ต้องระวัง

4. บ้านพักคนชรา
ผู้สูงอายมีความเสี่ยงสูงที่จะปวยหนัก โดยผู้เสียชีวิตทั้ง 10 รายในสิงคโปร์มีอายุมากกว่า 60 ปี
บ้านพักคนชรา Lee Ah Moi พบผู้ติดเชื้อ 16 ราย และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ทั้งคู่เป็นหญิงชราวัย 86 ปี
5. ศูนย์เลี้ยงเด็กเล็กและโรงเรียนเตรียมอนุบาล
เด็กจำนวนมากเป็นพาหะของโรคที่ไม่แสดงอาการ และอาจติดเชื้อจากหรือไปสู่ผู้สูงอายุในครอบครัวโดยไม่รู้ตัว
มีผู้ติดเชื้อ 30 รายที่พบจาก 2 ศูนย์และอีก 10 รายพบจาก 10 ศูนย์ โดยมีทั้งเจ้าหน้าที่ เด็ก และสมาชิกในครอบครัว โดยใน 40 รายที่พบเป็นเด็ก 8 คนและผู้ใหญ่ 32 คน
กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดคือศูนย์ Sparkletots พบผู้ติดเชื้อ 27 รายโดยเป็นเด็ก 4 ราย และเป็นผู้ใหญ่ 23 ราย ตั้งแต่วันที่ 8 เม..ย.63 ศูนย์เลี้ยงเด็กเล็กได้ระงับการให้บริการ เว้นแต่กรณีผู้ปกครองที่มีความจำเป็นและไม่สามารถหาวิธีการดูแลเด็กด้วยวิธีอื่นได้
6. สถานที่ทำงาน
ประมาณร้อยละ 20 ของพนักงานในสิงคโปร์ยังคงต้องทำงานอย่างต่อเนื่องสำหรับการบริการที่จำเป็น
รัฐบาลพยายามที่จะลดจำนวนกิจการที่ถือว่า ยังมีความจำเป็น เพื่อให้ประชาชนส่วนใหญ่อยู่บ้านเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสได้ สถานที่ทำงานที่ได้รับอนุญาตให้เปิดกิจการได้ ต้องระมัดระวังอย่างมาก เช่น ต้องให้พนักงานสวมใส่ หน้ากาก และรับประทานอาหารแยกจากผู้อื่น

บทเรียนจากสิงคโปร์ กับ 6 จุดอ่อนที่ต้องระวัง