25 ธันวาคม 2567 มีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ยกเลิกภารกิจ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 4/2567 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยมอบหมาย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม กพช. แทน เนื่องจากนายกรัฐมนตรี ติดภารกิจด่วน ในการเรียกพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าพบ เพื่อรายงานความคืบหน้าการดำเนินคดีต่างๆ
โดยเฉพาะคดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของสังคม เช่น คดีดิไอคอนกรุ๊ป และคดีหมอบุญ ภายหลังหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสนใจคดีที่อยู่ในการดูแลของดีเอสไอ ทั้งเรื่องคดีดิไอคอนที่ดีเอสไอดำเนินการฟ้องไปแล้ว และคดี นพ.บุญ วนาสิน ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน เพราะเป็นคดีที่พนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งเรื่องให้ดีเอสไอ และ อธิบดีดีเอสไอได้อนุมัติให้เป็นคดีพิเศษเรียบร้อยแล้ว จากนี้ก็เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และข้อบังคับว่า ดีเอสไอจะให้ สตช. ช่วยในเรื่องใด โดยนายกรัฐมนตรีได้สอบถามถึงความคืบหน้าการติดตามตัวหมอบุญมาดำเนินคดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้สอบถามเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมออนไลน์ ตนจึงได้พา พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ มาให้ข้อมูลกับนายกรัฐมนตรีเพราะถือว่าเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล
และอีกเรื่องที่นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงคือการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งเมื่อวานนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่ง โดยตำรวจท่องเที่ยว ได้ปล่อยแถวตำรวจท่องเที่ยว นครบาล และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง บูรณาการร่วมกันเพื่อดูแลประชาชน ขณะเดียวกันก็ได้มีการระดมกวาดล้างบังคับใช้กฎหมาย ใน 10 ข้อหาหลัก ที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนได้
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ได้เตรียมให้บริการประชาชน ทั้งเรื่องของข้อมูลการใช้เส้นทาง การตรวจวัดแอลกอฮอล์ โดยในวันพรุ่งนี้เวลา 09:30 น. นายกรัฐมนตรีก็จะเดินทางไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเปิดนิทรรศการที่ตำรวจจะมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนด้วย
สำหรับความคืบหน้าคดีหมอบุญ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เปิดเผยว่า ขณะนี้เรื่องที่อยู่ดีเอสไอ โดยได้ประสานไปยังอินเตอร์โพล และออกหมายแดงเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งได้ประสานงานกับปลายทางอย่างต่อเนื่อง กำลังดำเนินการอย่างเข้มข้น
ส่วนจะมีข่าวดีในปีหน้าหรือไม่นั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มั่นใจว่าจะได้ตัว แต่หากบอกว่าปีนี้ หรือปีหน้า จะเป็นการกำหนดเวลาเกินไป แต่มั่นใจว่า จะประสบความสำเร็จในการติดตามจับกุมตัว โดยประเทศปลายทางมีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนตามสนธิสัญญา ตอนนี้เรื่องอยู่ที่ดีเอสไอแล้ว และอธิบดีดีเอสไอต้องการให้ตำรวจเข้าไปร่วมในการสอบสวน ตนเองในฐานะหัวหน้าองค์กรก็ไม่ได้ขัดข้อง เพียงแต่ให้อธิบดีดีเอสไอดูเรื่องของอำนาจตามกฎหมาย และข้อบังคับให้ดีในการที่จะเอาตำรวจไปร่วมกัน ไม่เช่นนั้นการสอบสวนอาจจะมีปัญหาในภายหน้าได้ ส่วนเรื่องการจับกุมดีเอสไอต้องประสานมายังตำรวจในเรื่องการติดตามสืบสวนจับกุม และดำเนินการให้หมด เพราะเป็นเรื่องที่ฉ้อโกงประชาชนหลายหมื่นล้านบาท
สำหรับการตรวจเส้นเงินขณะนี้ได้สืบสวนไปเยอะมาก และส่งให้ดีเอสไอหมดแล้ว ไม่ว่าจะเอาจากผู้เสียหายไปแล้วเข้าไปยังบริษัท หรือตัวบุคคลที่สาม ซึ่งมีข้อมูลให้ดีเอสไอหมดแล้ว