แม้ที่ผ่านมาจะมีการรณรงค์การเลิกซื้อ หยุดขาย หยุดบริโภค ปลาทะเลที่มีสีสันสวยงาม ที่มีชื่อว่า "ปลานกแก้ว" เพราะปลาชนิดนี้เป็นที่มีความสำคัญต่อ ความสมดุลระบบนิเวศแนวปะการัง แต่ในปัจจุบันยังพบว่า ยังมีขายกันอยู่เกลื่อนตลาดอาหารทะเล เช่น ที่ตลาดซีฟูดส์ Rawai Seafood Market หรือ ตลาดทะเลราไวย์ หาดราไวย์ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
จากการตรวจตรวจสอบ"ปลานกแก้ว"ที่นำมาวางวางขายมีขนาดทั้งเล็ก ตัวละตั้ง 3 ขีด ถึง ครึ่งกิโลกรัม บางตัวขนาดใหญ่ กว่า 2 กิโลกรัม แม่ค้า บางร้านจะขายในราคาคนไทย กิโลกรัมละ 50 บาท เช่น 3 ตัว 150 บาท แต่หากเป็นชาวต่างชาติบางร้านจะขายให้ในราคากิโลกรัมละ 500 บาท โดยปลานกแก้ว ที่นำมาขายมีทั้งปลาที่ตายแล้ว หรือ บางร้านเน้นขายความสดของปลา เพื่อเป็นจุดขาย ก็จะนำปลานกแก้วที่ยังมีชีวิตใส่ไว้ในตู้กระจกให้นักท่องที่ยว หรือ ผู้ที่นิยมทานปลานกแก้ว ได้ลิ้มลองเมนูที่ทำจากปลานกแก้ว นอกจากปลานกแก้ว ยังมีหอยทะเล ประเภทสวยงาม ถูกนำขึ้นมาขาย
การที่จับปลานกแก้วนั้นทางกฎหมายไม่สามารถเอาผิดได้ ยกเว้นเสียแต่จะเป็นการจับในเขตอนุรักษ์ อาทิ เขตอุทยาน ตามแนวประการัง หรือ หากพบมีการใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมาย จึงจะสามารถเอาผิดได้ ที่ผ่านมีมีการรณรงค์ เพราะปลานกแก้วควรจะได้รับการคุ้มครอง เนื่องจากอาศัยตามแนวปะการังช่วยรักษาระบบนิเวศ แต่กลับมีคนไปจับมาขาย
ที่ผ่านมาเมื่อหลายปีก่อน กลุ่มผู้พิทักษ์ปะการัง Reef Guardian Thailand ยังล่ารายชื่อกว่า2หมื่น รายชื่อให้ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่หลายแห่ง ยุติการขายปลานกแก้วได้สำเร็จ แต่สิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้น สะท้อนถึงการรณรงค์ที่ล้มเหลว และความจริงจัง ของหน่วยงานท้องถิ่น จังหวัด ที่ยังขาดการสร้างการมีส่วนร่วม ในการช่วยกันรักษาระบบนิเวศปะการัง ที่นับว่าเป็นโยบายสำคัญการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และ การอนุรักษ์ทรัพยากรทะเล