กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) 25 ธ.ค.60 แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าการขยายผลสอบสวนกรณีเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนสนับสนุนการค้ามนุษย์ในร้านอาหารชมดาว คาราโอเกะ ซึ่งนำเด็กหญิงชาวไทยใหญ่มาค้าประเวณี ว่า หลังจากมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าวแล้ว ดีเอสไอรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษในปี 59และได้สืบสวนพฤติกรรมของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 60 สำหรับผู้ประกอบการถูกดำเนินคดีอาญาและได้มีการแจ้งข้อหาค้ามนุษย์ไปแล้ว ส่วนบัญชีจ่ายส่วยที่ตรวจพบว่ามีรายชื่อเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น จากการสอบขยายผลพบว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้มีพยายามวิ่งเต้นและเคลียร์กับเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อให้คดีดังกล่าวเป็นเพียงคดีการค้าประเวณี ซึ่งถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เนื่องจากคดีดังกล่าวผู้ต้องหาที่เป็นชาวไทยใหญ่ถูกแจ้งข้อหา ค้าประเวณีเบิกความยอมรับต่อศาลว่า มีอายุเพียง 14 และ 15 ปีเท่านั้น ไม่ใช่อายุ 19 ปีตามคำฟ้อง ดังนั้นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจึงถือว่ามีความผิดในหลายกรรม
สำหรับ เจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 3 นาย ที่เข้าไปสนับสนุนการกระทำความผิดของร้านคาราโอเกะชมดาว พบว่า มีเจ้าหน้าที่ยศพ.ต.อ. 2 นายและร.ต.อ. 1 ดังนั้นในวันนี้กองคดีค้ามนุษย์จะเสนอให้พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ลงนามในคำสั่ง เพื่อส่งสำนวนการสอบสวนไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนความผิดทางอาญาต่อไป เบื้องต้นดีเอสไอได้แจ้งข้อกล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นาย ในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 และข้อหาค้ามนุษย์ในมาตรา 7 และมาตรา 54 ซึ่งแม้เจ้าหน้าที่จะไม่ได้เป็นผู้กระทำโดยตรงแต่พยายามช่วยเหลือผู้กระทำผิด ให้พ้นผิด และบีบบังคับให้มีการให้การเท็จในศาลก็จะมีความผิดตามกฎหมายค้ามนุษย์ด้วยแหล่งข่าวระบุ
สำหรับพ.ร.บ.ค้ามนุษย์ มาตรา 7 ระบุว่า การให้ช่วยเหลือด้วยประการใดเพื่อให้ผู้กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์พ้นจากการถูกจับกุม รวมทั้งเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์เพื่อมิให้ผู้กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ถูกลงโทษ ส่วนมาตรา 54 ระบุว่า ผู้ใดขัดขวางการสืบสวน การสอบสวน การฟ้องร้อง หรือการดำเนินคดีความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อมิให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถ้าเป็นการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในส่วนของคดีค้ามนุษย์ ชมดาว สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้เข้าปฏิบัติการลุ่มน้ำแควบุกจับร้านชมดาว คาราโอเกะ เลขที่ 149 ริมทางรถไฟ ถ.พัฒนากาญจน์ หมู่ 11 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 14 ต.ค.58 ได้เปิดเป็นร้านคาราโอเกะบังหน้า แต่กลับนำหญิงสาวชาวไทยใหญ่มาบริการค้าประเวณีซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายค้ามนุษย์ โดยครั้งนั้นเจ้าหน้าสามารถช่วยเหลือหญิงสาวชาวไทยใหญ่ จำนวน 7 คน และจับกุมผู้ดูแลเป็นชายชาวไทยได้ จำนวน 2 คน พร้อมตรวจยึดบัญชีส่งส่วยให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ