เมื่อวันที่ 7 พ.ย.60 เวลา 14.45 น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึง มีการตั้งข้อสังเกตถึงกระแสข่าวคสช.จะตั้งพรรคการเมือง เพื่อต้องการลดขนาดพรรคเพื่อไทย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนจะไปลดขนาดใครได้ เป็นเรื่องที่ประชาชนจะเลือกจะตั้งพรรคหรือไม่ตั้งประชาชนเป็นคนเลือก จะเลือกใครก็แล้วแต่ วันนี้ต้องมีทางเลือกให้ประชาชนหรือเปล่านั่นคือสิ่งที่ต้องพิจารณากันต่อไป ถ้าไม่มีทางเลือก เขาก็ไม่รู้จะเลือกใคร แล้วจะอย่างไรก็ไปคิดกันมาแล้วกัน ช่วยแนะนำทางออกให้ตนหน่อยว่าควรทำตัวอย่างไร
"ผมรับฟัง ผมไม่อยากที่จะสร้างความขัดแย้งกับใคร ตนอยากชี้แจงในอารมณ์ที่สงบ ซึ่งในที่ประชุมมีหลายเรื่องที่สั่งการไป ก็ขอให้ทุกคนพยายามรักษาสถานการณ์ความสงบเรียบร้อยในช่วง 1 ปีที่เหลืออยู่นี้ ถ้าเราทำตรงนี้ให้สงบไม่ได้ มันต้องมีการคาดการณ์ในอนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก่อนการเลือกตั้ง หลังการเลือกตั้ง มีรัฐบาลแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ลองคิดแบบนี้กันดู มันจะกลับมาอีกหรือไม่ ความขัดแย้งอะไรต่างๆ ให้ท่านกังวลกับผมด้วย ไม่ใช่ว่าทุกคนสุมไฟกันไปมา สุมให้มันลุกไปเรื่อยๆ แล้วมาให้ผมทำให้สงบ ผมจะมีอะไรทำหล่ะ นอกจากบังคับใช้กฎหมาย คงไม่มีอะไรทำได้ที่ผ่านมาบางทีกฎหมายก็ทำไม่ได้ นั่นคือปัญหาของประเทศไทย ขอร้องเถอะอย่าให้สิ่งที่เราพยายามทำกันมา 3 ปี ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง นั่นคือสิ่งที่ผมเป็นห่วง" นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า จะต้องมีปัจจัยอะไรที่คสช.ต้องตั้งพรรคการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ไม่รู้ ยังไม่ได้คิด เมื่อกี๊พูดไปแล้ว ประเมินเอา"ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าวถึงเรื่องการพิจารณาปลดล็อคพรรคการเมือง นายกฯ ได้ให้เจ้าหน้าที่นำเอกสารสรุปการหารือของคสช.เรื่องดังกล่าวแจกให้สื่อ เนื้อหาระบุว่า คสช.ได้พิจารณาประเมินสถานการณ์มาเป็นระยะๆ อยู่แล้วแม้กระทั่งเช้าวันนี้และจะประเมินต่อไปทุกระยะ ความเห็นในขณะนี้มีว่าสถานการณ์ยังไม่เรียบร้อยบ้านเมืองยังอยู่ระหว่างห้วงเวลาที่ยังไม่ควรมีความขัดแย้งทางการเมืองหรือทางอื่นใด กฎหมายลูก 2 ฉบับสุดท้ายที่จำเป็นต่อการเลือกตั้งก็ยังไม่เรียบร้อยยังไม่เข้าสภา กกต.ชุดใหม่ 7 คนก็ยังอยู่ระหว่างการสรรหาไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไหร่นายทะเบียนพรรคการเมืองซึ่งเป็นบุคคลสำคัญทางกฎหมายพรรคการเมืองก็ยังไม่มี มีแต่ผู้รักษาการแทน จึงขอให้การปลดล็อคที่พูดกันรอไปอีกระยะ อย่าตื่นเต้นกังวล ในระหว่างนี้คสช.ขอให้คำยืนยันว่า 1.ทุกอย่างยังเดินต่อไปตามโรดแม็พ คือ จัดให้มีการเลือกตั้งภายใน 150 วัน นับจากเมื่อกฏหมายเลือกตั้งซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญ 1 ใน 4 ฉบับที่จำเป็นต่อการเลือกตั้งมีผลใช้บังคับ ส่วนกฎหมายนี้จะเสร็จได้เมื่อใด ขอให้ถามประธานกรธ. และ ประธานสนช.
2.ส่วนที่เกรงว่าพรรคการเมืองจะทำไม่ทันภายใน 90 วันหรือ 180 วันตามที่กฎหมายกำหนดและจะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งนั้น คสช.ทราบเรื่องนี้ดีเพราะได้หารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอดจึงคำนึงถึงอยู่แล้วขออย่าได้กังวลระยะเวลาดังกล่าวเป็นเรื่องที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนดขึ้นไม่ได้เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญจึงอาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมได้ ในกฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 141 นายทะเบียนพรรคการเมืองเพียงคนเดียวก็สามารถอนุญาตให้ขยายเวลาดังกล่าวได้เป็นกรณีๆไป คสช.จึงจะไม่ทำให้เสียหายหรือกระทบต่อพรรคการเมืองใดๆ ไม่ว่าพรรคเก่าหรือพรรคตั้งใหม่เป็นอันขาดโดยจะใช้มาตรการพิเศษที่คสช.มีหรืออาจใช้มาตรการอื่นๆ ทางกฎหมายตามวิถีทางรัฐธรรมนูญคลี่คลายปัญหาให้โดยจะปรึกษากับกกต. และไม่ให้ประกาศคสช.ที่ 57/2559 หรือคำสั่งคสช.ที่ 3/2558 เป็นอุปสรรค หากแต่จะให้ทุกอย่างสอดคล้องและเดินหน้าไปด้วยกันได้ไม่ว่าจะเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้ง หรือความสามัคคีปรองดองเพื่อให้เกิดความสงบสุขในสังคมภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัติรย์ทรงเป็นประมุข