"แพนกาเซียสดอร์รี่" ปลาดีมีคุณค่าโภชนาการ
บางคนเรียกปลา "แพนกาเซียสดอร์รี่" ว่าปลาดอรี่ บ้าง ปลาสวาย บ้าง จนเป็นความสับสนว่าชื่อไหนถูกต้องกันแน่ จริงๆ แล้วปลาดอร์รี่มีอยู่ใน 2 สายพันธุ์
พันธุ์ที่สอง ปลาในกลุ่มแพนกาเซียส หรือปลาสวาย ตระกูลนี้มีหลายชนิด อาทิ ปลาบึก ปลาคัง ปลาเทโพ แต่ที่พูดถึงกันอยู่ขณะนี้คือ ปลาแพนกาเซียสดอร์รี่ ชื่อวิทยาศาสตร์ Pangasius Hypophthalmus มีเนื้อสีขาว รสชาติอร่อยใกล้เคียงปลาดอรี่ แต่ราคาถูกกว่าจึงเป็นที่มาของการเรียกปลาพันธุ์นี้ว่าดอร์รี่ติดปากด้วย
ไทยเรานำเข้าปลากลุ่มนี้จากเวียดนามเป็นส่วนใหญ่ ทว่าด้วยเวียดนามมีปลากลุ่มนี้ 2 ชนิดคือ BASA และ TRA ทำให้เกิดความสับสนในการเรียกชื่อทั้งปลาบาซา ปลาเผาะ ปลาโมง ดังนั้น เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันของผู้นำเข้าจากทั่วโลก จึงมีการพูดคุยถึงชื่อทางการค้า กระทั่งได้ระบุชื่อสากลเป็น "แพนกาเซียสดอร์รี่" ขณะที่ "ปลาสวาย" จึงเป็นชื่อท้องถิ่นที่ใช้เฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ก็ออกหนังสือแนวทางการแสดงฉลากเนื้อปลาสวายหรือเนื้อปลาในตระกูลแพนกาเซียสเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2554 เพื่อเป็นมาตรฐานในการปฏิบัติร่วมกันสำหรับผู้ค้าและสร้างความเข้าใจกับผู้บริโภค โดยระบุให้ปรับแก้ไขการแสดงฉลากให้ถูกต้องภายในวันที่ 1 มกราคม 2555 ความว่า
1.ผู้ใดประสงค์จะนำเข้าปลาสวายที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ Pangasius Hypophthalmus เพื่อจำหน่าย ฉลากต้องแสดงชื่อภาษาไทยกำกับว่า ปลาแพนกาเซียสดอร์รี่
2.ผู้ใดประสงค์จะนำเข้าปลาโมง ปลาเผาะ ปลาบึก ในตระกูล Pangasius เพื่อจำหน่าย ให้แสดงชื่อวิทยาศาสตร์ Pangasius spp ฉลากจะต้องแสดงชื่อภาษาไทยกำกับว่า ปลาแพนกาเซียสดอร์รี่
อย่างไรก็ตามทั้งแพนกาเซียสดอร์รี่ และสวาย แม้เป็นปลาชนิดเดียวกัน แต่มีความแตกต่างกันด้านคุณภาพเนื้อปลา ซึ่งปลาสดอร์รี่จะมีเนื้อสีขาว ไม่มีกลิ่นคาว เนื้อแน่น ไม่ยุ่ย มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะอุดมไปด้วยกรดอะมิโน กรดไขมันโอเมก้า-3 วิตามินบี 2 วิตามินดี แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก สังกะสี ไอโอดีน และแมกนีเซียม
จากลักษณะเด่นที่กล่าวทำให้เป็นปลายอดนิยมบริโภคอีกชนิด เห็นได้จากร้านฟาสต์ฟู้ดดังทั่วโลกได้นำวางจำหน่ายในราคาที่ไม่แพง
แต่ไม่ว่าจะเป็นแพนกาเซียสดอร์รี่ สวาย บึก เผาะ โมง ช่อน ฯลฯ ล้วนดีต่อการบริโภคทั้งนั้นเพียงแต่ว่าวันนี้คุณกินปลาแล้วหรือยัง!