ความเชื่อนี้ฝังรากลึก จนเกิดเพลงที่ร้องกันหมู่นักศึกษาบางสถาบันในอเมริกาว่า "No means Yes. Yes means Anal" (บอกว่าไม่แปลว่ายอม บอกว่ายอมแปลว่าเอาทางก้นได้)
นี่คือคำแปลบางส่วนของเนื้อเพลง ฉันอยู่ต่อไม่ได้แล้ว / ที่รักผมโอเคน่าฉันต้องกลับบ้านแล้ว /ผมยังไงก็ได้น่าเย็นวันนี้คุณ... /ผมอยากให้คุณขับรถกลับบ้านปลอดภัยคุณดีกับฉันมาก /และผมก็ดีใจที่คุณมีความสุขแต่ตอนนี้แม่ฉันต้องเป็นกังวลแน่ๆ / โทรบอกแม่คุณสิว่าคุณจะกลับแล้วพ่อฉันตอนนี้กำลังเดินงุ่นง่าน/ งั้นคุณรีบไปสตาร์ทรถเร็วเข้างั้นฉันต้องแจ้นแล้ว / ผมไม่กดดันคุณนะ เนื้อเพลงเต็มๆดูได้ที่ลิงค์นี้ http://edition.cnn.com/2016/12/02/us/baby-its-cold-outside-cover-trnd/ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่การเปลี่ยนเนื้อเพลงนำไปสู่การสร้างค่านิยมใหม่ให้สังคมอเมริกัน ในปี 1984 นักร้องเพลงป็อป Cyndi Lauper ได้คัฟเวอร์เพลง Girl Just Wanna Have Fun ของ Robert Harzard โดยเปลี่ยนเนื้อเพลงเดิมที่พูดว่า คนร้องคือหนุ่มหล่อเลือกได้ มีสาวๆมาพลีกายไม่ขาดเพราะ Girl Just Wanna Have Fun (with me) มาเป็นเพลงที่ส่งเสริมให้ผู้หญิงใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองอยากใช้ตามแบบฉบับสาวโสดสมัยใหม่ Cyndi ตีความไลฟ์สไตล์แบบนี้ว่าเป็น Girl Just Wanna Have Fun (in her own way)เพลงนี้เป็นหมุดไมล์สำคัญของ Feminist Movement ของอเมริกาในยุค 80 ที่ผู้หญิงออกมาทำงานนอกบ้านและสร้างฐานะด้วยตัวเธอเอง ไม่ใช่เป็นแม่บ้านให้ผู้ชายหาเลี้ยง