นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้โพสต์ในเฟซบุ๊คส่วนตัวระบุว่า "อ่านแล้วอยากร้องไห้...!ผมจะลองพิจารณาว่า เหยื่อกับสิทธิที่ถูกละเมิดนั้น รัฐควรเข้าไปรับผิดชอบมากกว่าที่เป็นอยู่ในมิติของกองทุนยุติธรรมได้มากน้อยเพียงใดครับ"
คดีนี้ มีน.ส.น้ำผึ้ง ใจเสงี่ยม ขับรถกระบะเสียหลักพุ่งเข้าชนร้านเสต็กลุงใหญ่ ที่อยู่ปากซอยเอกชัย 119 ถนนเอกชัย แขวงและเขตบางบอน กรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 19 กันยายน 2557 เป็นเหตุทำให้นายภานุทัต ศักดิ์สิทธิพันธ์ เจ้าของร้านสเต็กลุงใหญ่ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และ ด.ญ.นราศิริ หรือน้องการ์ตูฯ ศักดิ์สืบพันธ์ อายุ 5 ขวบ ลูกสาวได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง
วันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่ศาลอาญาธนบุรี ได้อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่ฟ้อง น.ส.น้ำผึ้ง ในข้อหาข้อหาแข่งรถในทาง ขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียทรัพย์สิน ถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บ
ศาลมีคำพิพากษาให้ น.ส.น้ำผึ้ง จำคุก 2 ปี 6 เดือน เนื่องจากให้การรับสารภาพ แต่ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน จึงลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา พร้อมกับปรับ 3,000 บาท
นอกจากนี้ ศาลสั่งให้จำเลยชดใช้สินไหมทดแทน กรณีที่นายภาณุทัต เสียชีวิตจำนวน 3 แสนบาท ค่าเสียหายช่วงเวลาที่รักษา ด.ญ.นราศิริ 6 ล้านบาท แบ่งเป็นค่ารักษาพยาบาล 2 ล้านบาท, ค่าอุปการะเลี้ยงดู 2 ล้านบาท ค่าทนทุกข์และสูญเสียโอกาสในชีวิต 2 ล้านบาท และจ่ายค่ายานพาหนะสำหรับ น.ส.ศรัญญา ชำนิ ผู้เป็นแม่ ด.ญ.นราศิริ ในการเดินทางไปโรงพยาบาล รวมเป็นเงิน 36,000 บาท
แต่ต่อมา แม่ของน้องการ์ตูน ได้โพสต์เฟซบุ๊คระบุว่า ไม่ได้รับค่าเสียหายเนื่องจากคู่กรณีเป็นบุคคลล้มละลาย ผลการตัดสินของศาลที่ได้รับมาเพียงแค่กระดาษแผ่นเดียว พร้อมกับภาระทุกอย่างที่ไม่ได้ก่อ เราจะอยู่กันบนความเสียกันแบบนี้ไปอีกเท่าไหร่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้กลายเป็นประเด็นถกเถียงกันในสังคมออนไลน์ ว่าเหยื่อต้องตกเป็นผู้ที่รับกรรมและไม่ได้รับการชดใช้ใดๆ นั้นมันยุติธรรมแล้วหรือ และมีช่องทางใดที่จะทำให้ผู้ที่ก่อเหตุรับผิดชอบ