“ชัชชาติ” เล็งทำบุญเหตุตึกถล่ม คาดรื้อซากได้หมดปลายเดือนนี้
“ชัชชาติ” เล็งทำบุญเหตุตึกถล่ม คาดรื้อซากได้หมดปลายเดือนนี้ ยืนยัน “สงกรานต์” ไม่หยุด เพราะ “ความทุกข์ของญาติผู้ประสบภัย รอไม่ได้”
8 เมษายน 2568 เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหาย ใต้ซากตึกถล่ม ตึกสตง.ถล่ม ที่เข้าสู่วันที่ 12 ว่า ขณะนี้สามารถรื้อซากปรักหักพังไปได้แล้ว 10,000 ลูกบาศก์เมตร จาก 26,000 ลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นประมาณ 30%
ทั้งนี้คิดเฉพาะพื้นที่ผิวดิน ยังไม่รวมชั้นใต้ดิน ซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่มีอุปกรณ์ 21 คัน ทั้งของทหารและเอกชน คาดว่า ปลายเดือน เม.ย.น่าจะเอากองซากทั้งหมดออกได้ ส่วนการคำนวนปริมาตรที่ลดลง เฉลี่ยวันละ 2,000 ลูกบาศก์เมตร เป็นการคำนวนจากการใช้โดรน ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์ที่ใช้ในการประเมิน
นายชัชชาติ กล่าวว่า ขณะนี้การปฏิบัติงานในพื้นที่โซน C และ D ค่อนข้างชัน จึงต้องใช้วิธีการนำคนเข้าไปตรวจสอบดูผู้สูญหาย ซึ่งเมื่อคืนที่ก็สามารถนำผู้เสียชีวิตออกมาได้ 4 ร่าง นอกจากจุด A ก็มีจุด C ก็ค่อยทยอยตัด ถ้าเปิดพื้นที่ด้านบนได้ พื้นที่โซน C ความชันก็จะลดลง และทำงานได้ง่ายขึ้น
ซึ่งหลักการปฏิบัติการวันนี้ ตั้งเป้าว่า จะต้องเอารถแบคโฮ ขึ้นไปบนยอดซากปรักหักพังให้ได้ เพื่อโกยเศษซากออกให้ได้ง่ายขึ้น เพราะปกติยังไม่สามารถโกยไปไม่ถึง ดังนั้นจึงจะต้องเร่งทำทางขึ้นไป แล้วนำรถแบคโฮขึ้นไปให้ได้ ซึ่งลักษณะพื้นที่บนยอดหรือ โซน E จะเป็นเสากลม คือบริเวณชั้น 28-29 ของอาคาร จากข้อมูลพบว่า มีคนทำงานประมาณ 14 คน ถ้าเปิดพื้นที่จุดนี้ได้ก็จะทำให้เจอผู้สูญหาย และเชื่อว่าคืนนี้จะนำรถเครนขึ้นไปบนยอดได้แน่นอน
โดยเจ้าหน้าที่จะทำงาน เพื่อเปิดยอดไปจนถึง 23.30 น. แล้วก็จะหยุด เป็นเวลา 45 นาที เพื่อนำกำลังหู้ภัยและทหารเข้าทำการค้นหา จากนั้นจะเดินเครื่องจักรต่อ จนถึง ตี 5 แล้วหยุดให้นำกำลังคนเข้าอีกครั้ง เพื่อให้รถแบคโฮได้พัก
ทั้งนี้การนำเครื่องจักรหนักขึ้นไปบนยอด จะมีปัญหาการกดทับแผ่นปูนด้านล่างหรือไม่นั้น นายชัชชาติ เชื่อว่า รถแบคโฮเบากว่าซากคอนกรีตเยอะ เพราะรถแบคโฮที่ขึ้นไป น้ำหนักน้อยกว่า ปูนที่ทับกันอยู่ 18-19 ชั้น และตอนนี้เรื่องเวลาก็สำคัญ ที่ต้องการรีบเอาซากออกเพื่อเข้าไปค้นหาให้เร็วที่สุด ส่วนพื้นที่โซน C วันนี้ ก็มีการเปิดให้คนเข้าไปค้นหาได้ และเป็นพื้นที่คาดหวังว่า จะเจอผู้สูญหายเยอะขึ้น
ส่วนกรณีเครน 1,000 ตัน ที่นำเข้ามาในพื้นที่ ก็เป็นการเตรียมไว้ คาดว่าเอามาใช้ในอนาคต และยังมีอุปกรณ์ ทั้งบุ้งกี๋ เครื่องตัดเหล็ก น้ำมันไฮดรอลิกต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ก็ได้นำมาเตรียมรอไว้ เป็นการคาดการณ์แล้วนำอุปกรณ์มารอ ไม่ใช่ว่าต้องการแล้วไม่มีเครื่องมือ
ยันสงกรานต์ไม่หยุดทำงาน เตรียมทำบุญสร้างกำลังใจ
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ยืนยันด้วยว่า ช่วงสงกรานต์ กทม.ก็ไม่ได้หยุด เดินหน้าทำงานเต็มที่ “เพราะเป็นความทุกข์ของญาติผู้ประสบภัย เขาก็ไม่อยากรอ จึงยืนยันทำต่อ” ส่วนอาสาก็อาจจะมีหมุนเวียนไปพักบ้าง ดังนั้นอาจจะมีการปรับแผน เรื่องของกู้ภัยที่แต่ก็จะหาทีมมาเสริมได้ให้สามารถทำงานได้
ส่วนกรณีที่ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี หรือ “สมเด็จธงชัย” กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ได้มอบผ้ายันต์จำนวน 200 ผืน มาให้กับเจ้าหน้าที่นั้น ผู้ว่าชัชชาติ บอกว่า ตอนนี้เป็นเหมือนการวิ่งมาราธอน ขวัญกำลังใจคนทำงานก็สำคัญ รวมถึงญาติพี่น้องของผู้ประสบภัย และสมเด็จธงชัย เป็นสังฆาธิการของ กทม. ตนจึงไปกราบเรียนท่าน ท่านก็ให้ผ้ายันต์เพื่อให้ประสบความสำเร็จ จำนวน 200 แผ่น โดยจะให้ตัวแทนของแต่ละทีมมารับไป ซึ่งเป็นการให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ เพราะสมเด็จธงชัย ท่านมีเมตตาประทานมาให้
ทั้งนี้อาจจะมีการทำบุญให้กับผู้ประสบเหตุ ทั้งเสียชีวิตและรอดชีวิต เป็นการสวดมนต์ให้ ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดที่ทำ จะไม่ให้กระทบการทำงาน แต่จะทำให้ญาติๆ ได้สบายใจขึ้นรวมถึงเจ้าหน้าที่ด้วย และสมเด็จธงชัย ท่านฝากมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ให้ทุกคนปลอดภัยด้วย เพราะท่านก็เมตตาและคอยติดตามอยู่ ซึ่งจริงๆ ก็ทุกศาสนาหัวอกเดียวกัน ช่วยอะไรได้ก็ช่วยกัน ส่วนกรณีที่โซน B ที่โพรงยุบไปเมื่อวาน แต่ไม่มีปัญหาแล้ว เพราะถมไปเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากบริเวณจุดนั้นเป็นชั้นใต้ดิน และเป็นจังหวะแบคโฮเหยียบ
นายชัชชาติ ยืนยันด้วยว่า กู้ภัยทุกคนรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่ได้มีการแบ่งแยกเป็นกลุ่ม ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีที่ร่วมมือร่วมใจกัน ไม่มีการแบ่งมูลนิธิใหญ่หรือเล็ก ไม่มีความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้นในการทำงาน ทั้งนี้การดำเนินการถือเป็นการทำตามเป้าที่กำหนดไว้ อุปสรรคมีบ้างแต่ก็ผ่านไปได้
