เมื่อเวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระภิกษุจากวัดพระธรรมกายกว่า 100 รูป พร้อมประชาชนกว่า 1,000 คน เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณประตูด้านทิศตะวันออก อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เพื่อปกป้องพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และแสดงความไม่เห็นด้วย กรณีสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินมีข้อเสนอให้นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557มาตรา 44 ดำเนินการกับพระธัมมชโยกรณีปาราชิกจากความผิดเกี่ยวกับการเบียดบังทรัพย์สินของวัดพระธรรมกาย
โดยมีการนำเครื่องขยายเสียงมาปราศรัยและขอให้ศิษย์ธรรมกายใช้โทรศัพท์และโซเซียลมีเดียติดต่อให้ญาติธรรมมาสมทบเพิ่มเติม พร้อมกับชูป้ายข้อความ เรามาขอความเป็นธรรมให้หลวงพ่อธัมมชโย ลูกหลวงพ่อไม่เล่นการเมืองแต่รักความยุติธรรม ผู้ตรวจการฯไม่ใช้หลักกฎหมาย แต่ตะเกียกตะกายใช้หลักกู ผู้ตรวจการฯตาบอดหรือไง คนรีดไถโรงแรมไม่ปาราชิกหรือนอกจากนี้ยังมีน.ส.ลีลาวดี วัชโรบล อดีตส.ส. พรรคเพื่อไทย มาร่วมสมทบด้วย
ทั้งนี้ผู้ชุมนุมในนาม กลุ่มลูกศิษย์รักหลวงพ่อ 21 ก.ค. 2558 ได้ออกแถลงการณ์ว่าหลังจากผู้ตรวจการแผ่นดินมีผลวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวแล้ว ทำให้กลุ่มลูกศิษย์รู้สึกไม่สบายใจและกังวลต่อผลการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน เนื่องจากขัดต่อหลักพระธรรมวินัยและหลักกฎหมาย เป็นการตัดสินโดยใช้อคติ ซึ่งอาจนำไปสู่ความแตกแยกของพุทธบริษัทและชาวไทยได้ จึงขอชี้แจงกรณีข้อหาปาราชิกนั้นได้ยุติไปแล้วตั้งแต่ปี 2549
ส่วนการถอนฟ้องคดีดังกล่าวก็เป็นอำนาจของ อัยการสูงสุด (อสส.) ซึ่งถือว่าคดีดังกล่าวเป็นที่สุดแล้ว รื้อฟื้นไม่ได้ และเรื่องดังกล่าวเป็นดุลยพินิจโดยเด็ดขาดของ อสส. และผู้ตรวจการแผ่นดินไม่มีอำนาจในการดำเนินการดังกล่าวแต่กลับไปรื้อฟื้นคดีที่จบไปแล้วทำให้เกิดความแตกแยกและความวุ่นวายในสังคม ขัดกับนโยบายการสร้างความปรองดองของชาติ
ด้านนายอดิศักดิ์ วรรณสิน ตัวแทนคณะศิษย์ธรรมกาย ระบุว่า ขอให้ผู้ตรวจยุติการดำเนินการใดๆกับคดีพระธรรมชโย เพื่อให้เกิดความสงบสุขเรียบร้อยของประเทศ โดยศิษย์ธรรมกายจะมาติดตามผลภายใน15วัน ส่วนหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ระบุว่าประเด็นพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชเป็นคำแนะนำไม่มีผลบังคับตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505และมหาเถรสมาคมได้นำเข้าที่ประชุมพิจารณาเสร็จสิ้นสิ้นตั้งแต่ปี 2542 การนำเรื่องที่เสร็จสิ้นมาพิจารณาดำเนินการใหม่ขัดต่อหลักนิติธรรมว่าด้วยบุคคลไม่ควรได้รับความเดือดร้อนสองครั้ง เพราะการกระทำอันเดียวและพระธรรมวินับกำหนดว่าอิกรณ์ที่ระงับแล้วจะรื้อฟื้นขึ้นมาอีกไม่ได้ ผู้ตรวจการแผ่นดินหรือผู้ใดก็ตามไม่มีอำนาจสั่งการให้คณะสงฆ์ดำเนินการในสิ่งที่เหมาะสมพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า
ส่วนประเด็นการถอนฟ้องคดีอัยการสูงสุดได้ดำเนินการโดยชอบด้วยกำหมายและศาลก็ได้พิจารณาให้ถอนฟ้องได้และจำหน่ายคดีออกสาระบบถือว่าศาลได้ใช้ดุลยพินิจตัดสินไปแล้ว ดังนั้นผู้ตรวจการแผ่นดินจึงไม่มีอำนาจหน้าที่และเหตุผลที่จะเสนอให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมารื้อฟื้นคดีใหม่
ต่อมาเวลา 15.20น. นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดินได้มารับหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจากตัวแทนธรรมกาย พร้อมชี้แจงขั้นตอนการดำเนินการของผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งได้เสนอความเห็นไปตามข้อเท็จจริงที่ได้รับจากฝ่ายผู้ร้อง หากมีข้อเท็จจริงอื่นที่สามารถเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยก็พร้อมจะนำเสนอให้ประธานกรรมการผู้ตรวจการแผ่นดินรับไปพิจารณา
โดยกรณีของพระธรรมชโยและมหาเถรสมาคมไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินจึงได้เสนอความเห็นให้หัวหน้า คสช.ตั้งคณะกรรมการร่วมพิจารณา ซึ่งไม่แน่ว่าผลที่ออกมาอาจเป็นไปตามความประสงค์ของศิษย์วัดธรรมกายก็ได้ เช่นเดียวกับกรรีคำสั่งถอนฟ้องของอดีตอัยการสูงสุดซึ่งได้เสนอให้หัวหน้า คสช.ตั้งกรรมการขึ้นตรวจสอบการใช้อำนาจเช่นกัน ทั้งนี้ภายหลังรับฟังคำชี้แจงศิษย์ธรรมกายก็ได้สลายการชุมนุมแยกย้ายกันเดินทางกลับ