เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 4 พ.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก รรท.รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รรท.ผบก.น.8 แถลงผลการจับกุม นายประกิต พรมมา อายุ 26 ปี ชาว จ.เชียงราย พร้อมของกลาง อาวุธปืนไทยประดิษฐ์(ปืนปากกา) ขนาด .22 จำนวน 13 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนขนาดเดียวกัน จำนวน 25 นัด เครื่องกระสุนปืนเอ็ม16 จำนวน 31 นัด สปริง จำนวน 9 ขด ลำกล้องเตรียมพร้อมทำปืนปากกา จำนวน 15 แท่ง แกนใน(1แกน สามารถทำปืนได้ 7 กระบอก) จำนวน 4 แกน โดยจับกุมได้ที่ บ้านเลขที่ 110 หมู่10 ต.ศรีดอนไชย จ.เชียงราย
พ.ต.อ.ฤชากร กล่าวว่า ตามข่าวที่ปรากฏบ่อยครั้ง ในเหตุทะเลาะวิวาทของกลุ่มวัยรุ่นและนักเรียนตีกัน จะมีการใช้ปืนปากกา เป็นอาวุธยิงกันจนบาดเจ็บและเสียชีวิต เพราะหาซื้อได้ง่ายผ่านอินเทอร์เน็ตและมีราคาถูก ทั้งนี้เจ้าหน้าที่สืบทราบว่า ได้มีบุคคลเปิดขายปืนปากกาและเครื่องกระสุนผ่านเฟซบุ๊ก ชื่อ ปืนปากกาสำหรับนักสะสม ต่อมาทราบว่า คือ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ชาว จ. ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่จึงทำการล่อซื้อปืนปากกา ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนขนาดเดียวกัน 2 นัด
นอกจากนี้ ยังพบว่านายเอสามารถจัดหาและส่งอาวุธปืนมาได้ตามการสั่งซื้อในเวลาอันรวดเร็ว โดยจากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่าเฟซบุ๊กดังกล่าวเปิดโฆษณาขายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนหลากหลายชนิดมานานกว่า 2 เดือน และมีการจัดส่งอาวุธปืนและเครื่องกระสุนให้กับผู้สนใจที่สั่งซื้อทางไปรษณีย์ไปแล้วกว่า 50 กระบอก ทั่วประเทศ ซึ่งผู้ที่สั่งซื้อส่วนใหญ่เป็นเยาวชน โดยเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายเอขณะเดินทางมาส่งปืนปากกา ที่หน้าไปรษณีย์หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมของกลางอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ (ลูกโม่) ขนาด .22 จำนวน 2 กระบอก และเครื่องกระสุนขนาดเดียวกัน 25 นัด
พ.ต.อ.ฤชากร กล่าวอีกว่า จากการสืบสวน เฟซบุ๊กดังกล่าว นายเอกับเพื่อน ร่วมกันจัดทำขึ้นเพื่อโฆษณาขายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน โดยนายเอมีหน้าที่โฆษณาขาย รวมทั้งทำหน้าที่จัดส่งให้กับลูกค้าที่สั่งซื้อ ส่วนการผลิตอาวุธปืนนั้นจะมีเพื่อนอีกกลุ่มดำเนินการ ซึ่งมีแหล่งผลิตอยู่ที่ ต.ศรีดอนไชย อ.เทิง จ.เชิงราย โดยเมื่อผลิตเสร็จแล้วจะจัดส่งมาให้นายเอจำหน่ายอีกทอดหนึ่ง
พ.ต.อ.ฤชากร กล่าวยังกล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ฝ่ายสืบสวน บก.น.8 แบ่งชุดปฏิบัติการ 26 ชุด เพื่อเข้าตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 26 เป้าหมาย พร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 2-3 พ.ย. โดยเป้าหมายทั้งหมดสืบสวนเชื่อว่าเป็นแหล่งผลิต แหล่งจำหน่าย ตลอดจนที่อยู่ของผู้ที่เคยสั่งซื้ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนจากเฟซบุ๊กดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบ ปืนปากกา ขนาด .22 จำนวน 23 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนขนาดเดียวกัน 708 นัด ปืนลูกโม่ ขนาด .22 จำนวน 3 กระบอก ปืนปากกาขนาด .38 จำนวน 4กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนขนาดเดียวกัน 18 นัด ปืนลูกซอง ขนาด 12 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนขนาดเดียวกัน 2 นัด และจับกุมตัวผู้ครอบครองอาวุธและเครื่องกระสุนปืนทุกรายไว้ดำเนินคดี จำนวน 20 คน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ผู้ต้องหาทั้งหมด ทำประกอบ ซ่อมแซม มีหรือจำหน่ายอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต , จำหน่ายอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนแก่ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวทั้งหมดพร้อมของกลางส่ง พงส.กองปราบปราม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป