วันที่ 5 มีนาคม 2564 เวลา 08.00 น. ร.ต.ท.วัตรสันณห์ เนตรหาญ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่า มีผู้พบคนนอนตายอยู่ในรถเก๋ง ถนนธานีสพสันต์ เขตเทศบาลเมืองนครพนม จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ชีพ อาทิ กู้ภัยศรีสัตต,VR กู้ภัยลำโขงเฟรนด์ชิพฯ ชุดสืบสวนฯ,สายตรวจ และแพทย์เวร รพ.นครพนม ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีขาว 5 ประตู ทะเบียน ขท 2284 ขอนแก่น จอดอยู่ริมขอบทางใกล้กับถังขยะซึ่งเป็นจุดเปลี่ยวพอสมควร ปรากฏว่าประตูรถล๊อกจากด้านใน จึงติดต่อช่างทำกุญแจมาดำเนินการ โดยบริเวณเบาะด้านที่นั่งคนขับ เบื้องต้นพบศพผู้ตายแต่งกายคล้ายผู้ชาย ปรับเบาะเอนนอนไปทางด้านหลัง สภาพศพมีกลิ่นเหม็นคลุ้งคาดเสียชีวิตมาหลายวัน
ตรวจสอบตรงช่องเก็บของด้านประตูคนขับ และช่องวางของตรงช่องแอร์ด้านขวา พบเบียร์กระป๋องยี่ห้อหนึ่งขนาด 490 ML. ถูกเปิดดื่มไปแล้ว 2 กระป๋อง ส่วนที่เบาะหน้าด้านซ้าย พบเบียร์ที่ยังไม่เปิดดื่มอีก 1 กระป๋อง บรรจุอยู่ในถุงหิ้ว พร้อมโทรศัพท์มือถืออีก 2 เครื่อง ที่พื้นด้านซ้ายมีเตาอั้งโล่และขี้เถ้าที่มอดไฟแล้ว และถุงถ่านวางข้างๆกัน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมามีนางสายชล บุญโนนแต้ อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 110 หมู่ 4 บ้านนาโดน ต.ขามเฒ่า อ.เมือง จ.นครพนม เดินทางมาพร้อมกับญาติขอดูศพดังกล่าว และแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ศพนี้เป็นน้องสาวตนชื่อ นางสาววิรันดา จันได หรือแนน อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 109 หมู่ 4 บ้านนาโดน ที่หายออกจากบ้านไปตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีใบแจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.บ้านกลาง อ.เมือง จ.นครพนม เป็นหลักฐานยืนยัน
จากการตรวจชันสูตรพลิกศพ และตรวจภายในรถเก๋ง ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ ลักษณะรถดึงเบรกมือค้างไว้ สภาพศพขึ้นอืดมีแมลงวันตอมหึ่ง สันนิษฐานเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วัน ญาติไม่ติดใจในสาเหตุการตาย เจ้าหน้าที่จึงมอบศพให้นำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ซึ่งญาติๆตกลงกันว่าจะเผาทันทีในวันนี้(5 มีค.) เพราะศพส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งมาก
ลูกคนเล็กมีนิสัยเป็นทอม ก่อนหน้านี้ทำงานบริษัทด้านโทรนาคมแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น ภายหลังเจอวิกฤตโควิดระบาดจึงถูกเลิกจ้าง ก็ได้กลับมาอยู่บ้านเพื่อดูแลนางสมเพท ต้นโลม อายุ 74 ปี ผู้เป็นแม่ที่ล้มป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบก่อนที่นางสมเพทผู้เป็นแม่จะล้มป่วย อดีตเคยไปทำงานอยู่เกาะฮ่องกงนานนับ 10 ปี พอกลับมาเมืองไทยก็มีเงินฝากธนาคารไว้หลายแสนบาท ภายหลังที่เจ็บป่วยจึงเดินเหินไม่ค่อยจะสะดวก เป็นจังหวะเดียวกับที่น้องสาวคือน้องแนนกลับมาอยู่บ้าน นางสมเพทจึงไว้วางใจให้รหัสบัตรเอทีเอ็มไปกดเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวและเพื่อการรักษาตัวเองต่อมานางสมเพทกระซิบบอกตนว่า น้องแนนมีพฤติกรรมแปลกไป เวลาถามถึงยอดเงินในบัญชีเหลือเท่าไหร่ มักจะถูกบ่ายเบี่ยงบางครั้งก็เอ็ดตะโรใส่ด้วยความฉุนเฉียว ตนสงสัยจึงนำสมุดบัญชีธนาคารไปเช็คยอดเงินคงเหลือ ปรากฏว่าเงินในบัญชีประมาณ 2 แสนกว่าบาท มียอดเงินคงเหลือติดบัญชีเพียง 1 พันบาท จึงกลับมาบ้านเพื่อจะถามน้องสาวว่านำเงินไปทำอะไร ปรากฏว่าน้องแนนไหวตัวทันได้ขับรถเก๋งหนีออกจากบ้านไปก่อน เมื่อตอนช่วงบ่ายๆของวันที่ 3 มีนาคม พวกญาติๆก็เฝ้ารอว่าน้องแนนจะกลับเข้าบ้านตอนไหน
กระทั่งถึงวันที่ 4 มีนาคมก็ยังไม่เห็นน้องสาวกลับมา จึงเกิดความร้อนใจได้รีบไปแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.บ้านกลาง ว่าน้องสาวหายออกจากบ้านไปโดยไม่ยอมติดต่อกลับมา เกรงจะได้รับอันตรายจึงมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน พอรุ่งเช้าก็ได้รับแจ้งจากเพื่อนของน้องแนนว่า พบศพนอนรมควันตายอยู่ในรถเก๋งคู่ชีพ จึงรีบมาดูพบว่าเป็นน้องสาวของตนจริง ๆ โดยนางสายชลเล่าต่ออีกว่า น.ส.แนนหลังถูกเลิกจ้างกลับมาอยู่บ้าน ชอบเก็บตัวเงียบและไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ยังคุยกับญาติๆว่ากลัวจะป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แต่คาดไม่ถึงว่าจะมาคิดสั้นเพราะเรื่องเงิน หากมาสารภาพพี่น้องก็ไม่มีใครตำหนิอะไร
ด้าน น.ส.เหมียว(นามสมมุติ) อายุ 35 ปี ทำงานเป็นผู้ช่วยกุ๊กโรงแรมแห่งหนึ่ง เผยว่าน้องแนนจะไม่ค่อยพูดเรื่องส่วนตัวให้ฟัง เวลาพบกันมักจะคุยแต่เรื่องสนุกสนาน การตัดสินใจรมควันเสียชีวิตตนไม่ทราบว่ามาจากสาเหตุใด
สันนิษฐานเบื้องต้นว่า ผู้ตายมีความรู้สึกอับอายและเสียใจ ที่ถูกจับได้ว่าแอบนำเงินของแม่ไปใช้จ่ายส่วนตัว จึงขับรถยนต์หาซื้ออุปกรณ์ในการปลิดชีพ คือ เตาอั้งโล่พร้อมถ่าน และซื้อเบียร์มา 3 กระป่อง โดยตระเวนหาจุดเหมาะที่ห่างไกลสายตาผู้คน พบว่าถนนธานีสพสันต์ไม่ค่อยมีรถผ่านไปมา จึงจอดรถดับเครื่องแล้วติดไฟในเตายกมาวางไว้ที่พื้นวางเท้าเบาะหน้าด้านซ้าย โดยระหว่างนั้นก็ปรับเบาะเอนตัวนอนพร้อมดื่มเบียร์ไปด้วยจนเสียชีวิตดังกล่าว