หลังจาก นายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความประจำครอบครัว อยู่วิทยา ได้ออกมาเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาสังคมมองด้านเดียวว่า ครอบครัวอยู่วิทยา ไม่ได้ดูแลเยียวยา ครอบครัว ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ คู่กรณีที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ จากเหตุการณ์ นายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา เหตุเกิดเมื่อปี 2555 แต่ที่ผ่านมา นายวรยุทธ หรือ บอส และครอบครัว ได้รับผิดชอบต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับ ครอบครัวของด.ต.วิเชียร ด้วยการเยียวยา เงิน 3 ล้านบาท ผ่านนายพรอนันต์ กลั่นประเสริฐ พี่ชายของด.ต.วิเชียร ช่วยจัดการพิธีศพเป็นเงินมูลค่า 5 แสนบาท การชดใช้ค่าวิทยุสื่อสารของตำรวจที่สูญหาย และซ่อมรถจักรยานยนต์ตำรวจ และที่สำคัญ ด.ต.วิเชียร ก่อนเสียชีวิต ได้เคยกล่าวกับญาติๆว่า หากมีโอกาสต้องการทำบุญบูรณะและสร้างอุโบสถ เป็นความประสงค์ก่อนเสียชีวิต ทางครอบครัวอยู่วิทยา จึงสานต่อความต้องการ ด้วยการสร้างอุโบสถหลังใหม่ ที่วัดศรีบุญเรือง จ.สกลนคร 8 ล้านบาท เพื่ออุทิศให้กับ ด.ต.วิเชียร ที่เสียชีวิต รวมถึงร่วมบริจาคเงินให้กับมูลนิธิเพื่อการกุศล แต่ที่ผ่านมาครอบครัว อยู่วิทยา ไม่เคยแจ้งต่อสาธารณะ ว่ามีการเยียวยาเป็นมูลค่าทางการเงิน ด้านจิตใจ และไม่หวังผลทางคดี
เมื่อวันที่ 13 ส.ค.63 ที่วัดศรีบุญเรือง บ.โมน ต.พันนา อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ที่ถูกระบุว่า เป็นที่ตั้งอุโบสถ ครอบครัวอยู่วิทยา มาสร้างไว้ตามที่กล่าวอ้าง ได้พบกับ พระครูประภัศร์ ธรรมคุณ เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง และรองเจ้าคณะอำเภอสว่างแดนดิน ยอมรับว่า เป็นเรื่องจริง ก่อสร้างทดแทนอุโบสถหลังเดิมที่เก่าและทรุดโทรม ทำพิธียกช่อฟ้า เมื่อปี 2558พระครูประภัศร์ เปิดเผยว่า ต้นปี 2558 มีพระสงฆ์ผู้ใหญ่จากกรุงเทพมหานคร เป็นชาวสกลนคร แนะนำว่า มีโยมใจบุญต้องการสร้างอุโบสถให้ใหม่ทั้งหลังที่อุโบสถ วัดศรีบุญเรือง สร้างมาตั้งแต่ปี 2472 อายุกว่า 86 ปี มีสภาพทรุดโทรม ทางคณะกรรมการวัด จึงตัดสินใจรับคำขอเป็นเจ้าภาพสร้างอุโบสถหลังใหม่ ทราบแต่เพียงว่า เจ้าภาพเป็นตระกูลนักธุรกิจ เป็นเจ้าของกระทิงแดง หลังทางวัดตอบตกลงเจ้าภาพส่งทีมช่าง มาจากกรุงเทพมหานคร ทราบเพียงว่า ผู้รับเหมาเป็นผู้หญิง ชื่อช่างแก้ว หรือ คุณพิกุล มาควบคุมการก่อสร้าง มีตัวแทนครอบครัวอยู่วิทยา ทราบว่า เป็นญาติทางคุณดารณี อยู่วิทยา มาพร้อมกับสามีเป็นนายทหารระดับเสธ. มาเป็นประธานทำพิธีบวงสรวงก่อนการก่อสร้าง ซึ่งตลอดระยะเวลาก่อสร้าง ไม่มีคนของครอบครัวอยู่วิทยา ลงมาดูความคืบหน้า มีเพียงช่างแก้ว ที่คอยรายงาน
การก่อสร้างใช้เวลากว่า 1 ปี ปลายปี 2559 ครอบครัวทำพิธียกช่อฟ้า ตัดลูกนิมิต โดยมีครอบครัว อยู่วิทยา และญาติพี่น้อง ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติ มาร่วมงาน มีการทำบุญตักบาตร พิธีฝังลูกนิมิต ผู้ที่มาร่วมในงานส่วนใหญ่มาจากกรุงเทพ ไม่ทราบว่า นายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา มาด้วยหรือไม่ เพราะมีคนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ใช้เวลาประกอบพิธีไม่นาน เสร็จแล้วคณะทั้งหมดเดินทางกลับ การก่อสร้างโบสถ์มูลค่า 8 ล้าน สร้างจริงประมาณ 7 ล้าน เป็นโครงสร้างโบสถ์ มุงหลังคา และพื้นที่โดยรอบ ต่อมาทางวัดศรีบุญเรืองและชาวบ้านร่วมจัดทำผ้าป่าและกฐิน บริจาคเงินทำลวดลาย การตกแต่ง และภาพเขียนฝาผนังเพิ่มเติม ประมาณ 7 ล้านบาท รวมการก่อสร้างโบสถ์ใช้เงินไปกว่า 14 ล้านบาท สำหรับวัตถุประสงค์การก่อสร้างจะอุทิศกุศลนั้น เป็นเรื่องของเจ้าภาพเอง แต่วันนั้นเจ้าภาพ ระบุเป็นเพียงอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรม นายเวร ไม่ได้ระบุชื่อใครเป็นพิเศษ มีเพียงการติดแผ่นประกาศอนุโมทนา นายวาริท อยู่วิทยา นายวรยุทธ อยู่วิทยา เป็นเจ้าภาพในการสร้างอุโบสถ และสร้างพระประธานประจำวัดศรีบุญเรือง ติดไว้ที่หน้าประตูอุโบสถ์ ซ้าย-ขวา ด้านทิศตะวันออก