ที่ บริเวณด้านหน้าสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 15 มิถุนายน สหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ สนท., กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และกลุ่มคณะประชาชนเพื่ออิสรภาพ หรือ คปอ.ร่วมกันจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์และเรียกร้องความรับผิดชอบต่อทางการไทยและกัมพูชา
กรณีนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ถูกอุ้มหาย" โดยมีการถือภาพถ่ายนายวันเฉลิม, โบว์สีขาวขนาดใหญ่ และป้ายข้อความ "หยุดอุ้มหายคนคิดต่าง" saveวันเฉลิม"," หยุดอุ้มฆ่าอุ้มหายนักกิจกรรมและคนคิดต่าง" รวมถึง "รัฐบาลต้องมีคำตอบว่าใครหน่วยงานไหนที่เข้าไปอุ้มวันเฉลิมถึงกัมพูชา อย่าบอกนะว่าไม่รู้" และ" วันเฉลิมต้องไม่ตายฟรี ต้องมีคนรับผิดชอบในเหตุการณ์ครั้งนี้"
นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ "เพนกวิน" แกนนำ สนท.อ่านแถลงการณ์ภาษากัมพูชา, นาสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำ สนท. อ่านแถลงการณ์ภาษาอังกฤษ และนายณัฐชนน ไพโรจน์ แกนนำ สนท. อ่านแถลงการณ์ภาษาไทย ระบุให้รัฐบาลกัมพูชาที่เร่งติดตามความจริงกรณีอุ้มฆ่านายวันเฉลิม ซึ่งเชื่อว่าจากหลักฐานกล้องวงจรปิด จะทำให้สามารถจับกุมคนร้ายและผู้สั่งการได้อย่างแน่นอนพร้อมเรียกร้องรัฐบาลกัมพูชา 2 ข้อคือ
1.เร่งดำเนินการจับกุมคนร้ายและผู้อุ้มฆ่า ทั้งชาวไทยและกัมพูชาปกป้องชีวิตนายวันเฉลิม ถ้าเสียชีวิตแล้วให้ส่งคืนศพมายังประเทศไทยประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป 2.ให้ความคุ้มครองช่วยเหลือผู้ลี้ภัยทางการเมืองซึ่งเป็นบุคคลที่จำเป็นต้องลี้ภัยคุกคามจากการปกครองเผด็จการและความไม่เป็นธรรมและถูกบีบบังคับให้หนีจากประเทศตนเอง เป็นไปตามอนุสัญญา สถานภาพผู้ลี้ภัยและคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน โดยขอให้แจ้งผลให้ทราบข้อเท็จจริงกรณีนี้ต่อสาธารณชนและระหว่างประเทศด้วย
ขณะที่นางสาวพัชรี คำหนัก แกนนำ คปท. อ่านปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนย้ำถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์, บุคคลจะถูกกระทำทรมานหรือถูกปฏิบัติลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรีมิได้ และบุคคลมีสิทธิ์ที่จะแสวงหาและได้รับที่ลี้ภัยในอีกรัฐหนึ่งได้ตามกฎหมายของรัฐและข้อตกลงระหว่างประเทศ พร้อมย้ำถึง สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมโดยสันติ ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองตามปฏิญญาระหว่างประเทศของสหประชาชาติและของอาเซียนด้วย
นอกจากนี้ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาฯ ยังระบุว่า รูปภาพนายวันเฉลิมที่นำมาจุดกิจกรรมวันนี้ คือภาพที่สวมเสื้อตัวเดียวกันกับที่วันที่โดนอุ้ม ซึ่งยืนยันจากผู้ที่เห็นเหตุการณ์ รวมถึงนำภาพสถานที่เกิดเหตุที่มาบรรยายเหตุการณ์ที่นายวันเฉลิมถูกอุ้มด้วย
พร้อมทั้งกล่าวถึงการออกหมายเรียกประชาชนกว่า 10 ราย ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ว่า เป็นการใช้กฎหมายโดยไม่สุจริต ใช้กฎหมายเพื่อการกลั่นแกล้งปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของประชาชน ยิ่งเป็นการยืนยันว่ารัฐบาลไทยรู้เห็นเป็นใจกับการอุ้มฆ่า หรือสมรู้ร่วมคิดการอุ้มฆ่าผู้ลี้ภัยทางการเมืองทั้งในลาวและกัมพูชา รวมถึงความรุนแรงที่มีการดักทำร้ายนักกิจกรรมที่เห็นต่างในประเทศไทย และถือเป็นอาชญากรรมของรัฐ
กระทำต่อผู้มีความเห็นต่างยิ่งใช้กฎหมายมากลั่นแกล้งกดดันหรือ ควบคุมเสรีภาพประชาชนมากเท่าไหร่ ยิ่งแสดงให้เห็นว่า "รัฐบาลประยุทธ์" เป็นรัฐบาลโจร เป็นรัฐบาลฆาตกรและเกี่ยวข้องกับการเข่นฆ่าประชาชนโดยเฉพาะผู้ลี้ภัยทางการเมือง ส่วนคดีตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ มีศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนให้ความช่วนเหลือ และตนไปรายงานตัวและต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมของไทยต่อไปและเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด นอกจากนี้จะมีการมอบอำนาจให้ทนายความที่ประเทศกัมพูชา ดำเนินการแทนครอบครัวของนายวันเฉลิม