การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วันนี้(12 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการยืนยันว่า จะมีการยกเลิกเคอร์ฟิว ห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถานในเวลาที่รัฐบาลกำหนด ตามการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 โดยให้มีผลในวันที่ 15 มิ.ย.2563 แต่ยังไม่มีการพิจารณายกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ขณะเดียวกันจะมีการพิจารณากิจการและกิจกรรมในการ ผ่อนคลาย ล็อกดาวน์ ระยะที่ 4 ใน 3 กลุ่มกิจการ/ กิจกรรม ประเภทกลุ่มสีแดง ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สูง คือ 1.การผ่อนผันการใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียน หรือสถาบันการศึกษา 2.กิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต และ3.กิจกรรมด้านการออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพ หรือ สันทนาการ
ส่วนสถานบริการ สถานบันเทิง อาทิ ผับ บาร์ และคาราโอเกะ ยังไม่อนุญาตเปิดบริการ เพราะอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูงมาก
ด้านการออกกำลังกาย สวนน้ำ สนามเด็กเล่น สวนสนุกสามารถเปิดให้บริการได้ ตามมาตรการ เปิดออกกำลังกายแบบกลุ่มในที่สาธารณะได้ แต่ต้องมีผู้เข้าร่วมไม่เกิน 50 คน ขณะที่สนามกีฬา หรือที่ออกกำลังกายเองก็สามารถมีการแข่งขันได้ เช่นกัน แต่ต้องไม่มีผู้ชม
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีการพูดถึง Travel Bubble เปิดการท่องเที่ยวอย่างจำกัด โดยเลือกประเทศที่ควบคุมการระบาดได้ดี ประเทศที่เดินทางหากันมีการตรวจเชื้ออย่างเข้มงวด มีการซื้อประกันสุขภาพ มีระบบการติดตาม เพื่อป้องกันหากเกิดการติดเชื้อ ทั้งยังมีข้อเสนอให้อยู่ได้ในบางพื้นที่ เช่น เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการดูแลอย่างดีโดยกลุ่มเป้าหมายคือ นักธุรกิจ และกลุ่มที่มารับการรักษา บริการทางการแพทย์ โดยเป้าหมายประเทศคือ จีน เวียดนาม ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ประเทศตะวันออกกลางบางประเทศ ฯลฯ โดยที่ประชุม ศบค.เห็นชอบในหลักการ แต่ต้องมีมาตรการที่เข้มข้น ที่ให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ได้รายได้จากการท่องเที่ยว แต่ต้องมีการคุมเข้มในการตรวจโรคด้วย