ข่าวคราวเรื่องพิษภัยของ “บุหรี่ไฟฟ้า” มีมาให้เห็นเป็นระยะ ทว่า นักสูบหน้าใหม่ในสังคมไทยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังลดอายุคนที่ลองสูบครั้งแรกลงไปเรื่อยๆ จากหลายปัจจัยทั้งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ บวกกับความอยากรู้อยากลองของเยาวชน ส่งผลให้หลายคนเริ่มเข้าสู่วงการ “สิงห์อมควัน” เพราะความรู้ไม่เท่าทันอันตรายที่แท้จริง
ด้วยความห่วงใย NATION STORY จึงรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับ “บุหรี่ไฟฟ้า” ที่วัยรุ่นไทยยังเข้าใจผิด พร้อมตีแผ่ความจริงมาให้ในบทความนี้
หลากหลายเหตุผลที่กลายเป็นคำตอบของเรื่องนี้ คือความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
ความเชื่อที่ผิด : บุหรี่ไฟฟ้า อันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวน
ล่าสุดพบข้อมูลสถิติจากสำนักงานสถิติแห่งชาติว่า ประเทศไทยมีอัตราการสูบบุหรี่ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 7 หมื่นคน ในปี 2558 เป็น 7 แสนคนในปี 2565 ซึ่งพบมากขึ้นในกลุ่มเยาวชนอายุ 13-24 ปี ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญยืนยันตรงกันว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายมากกว่าบุหรี่มวนถึง 3 เท่า!!
ความจริง : จากผลการศึกษาพบว่า บุหรี่ไฟฟ้ายังคงเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง โรคหลอดลมฝอยอักเสบ และโรคปอดอักเสบรุนแรงได้มากกว่าบุหรี่มวน จากนิโคตินสังเคราะห์ และกระบวนการเผาไหม้ ที่เต็มไปด้วยสารประกอบโลหะหนัก ซึ่งยังส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างรุนแรงกว่าบุหรี่มวนถึง 3 เท่าอีกด้วย
สิ่งที่น่ากังวล คือผู้ผลิตสินค้าเริ่มพุ่งเป้าทางการตลาดไปที่เด็กและเยาวชน ซึ่งเห็นได้ชัดจากการออกแบบรูปแบบผลิตภัณฑ์ ให้มีรูปลักษณะจูงใจกลุ่มเป้าหมาย เช่น บุหรี่ไฟฟ้าแบบ TOY POD ที่แทบไม่ต่างจากของเล่นเด็ก แม้ตอนนี้แม้บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาจะเป็นสินค้าต้องห้าม ผิดกฎหมายในไทย แต่กลับหาซื้อได้ทั่วไป และขายกันอย่างโจ่งแจ้งตามช่องทางออนไลน์
ความเชื่อที่ผิด : บุหรี่ไฟฟ้า แค่มีกลิ่นที่หอม
ความจริง : กลิ่นจากไอบุหรี่ไฟฟ้าประกอบด้วยสารเคมีที่เป็นอันตรายทำลายปอด ทำให้เกิดปอดข้าวโพดคั่ว หรือ “Popcorn Lung" ซึ่งรักษาไม่หาย
ความเชื่อที่ผิด : บุหรี่ไฟฟ้า เป็นแค่ไอน้ำ
ความจริง : ไอของบุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่ไอน้ำ ไอระเหยของบุหรี่ไฟฟ้าทำให้ปอดของผู้ใช้สัมผัส กับสารเคมีที่เป็นอันตราย เช่น ฟอร์มาลดีไฮด์ โดอะซีติล และ อะโครลิน รวมถึงอนุภาคโลหะที่เป็นพิษ เช่น นิกเกิล ดีบุก และตะกั่ว
ความเชื่อที่ผิด : บุหรี่ไฟฟ้า ไม่มี "นิโคติน" ทำให้ไม่เสพติด
ความจริง : บุหรี่ไฟฟ้ามีนิโคตินซึ่งเป็นสารเสพติด เมื่อสูบบุหรี่ไฟฟ้า สารนิโคตินจะถูกส่งไปยังสมองภายในระยะเวลา 10 วินาที สมองของวัยรุ่นยังเติบโตไม่เต็มที่ ทำให้เสี่ยงต่อการเสพติดนิโคตินมากขึ้น
ความเชื่อที่ผิด : นิโคติน ไม่ได้เลวร้ายสำหรับฉัน
ความจริง : การได้รับสารนิโคตินในช่วงวัยรุ่นส่งผลต่อการพัฒนาของสมองปกติ มีผลในระยะยาว เช่น การขาดสติและทำให้อารมณ์แปรปรวน
ความเชื่อที่ผิด : ก็แค่สูบบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ได้หมายความว่าฉันจะสูบบุหรี่จริง
ความจริง : มีการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า วัยรุ่นเมื่อสูบบุหรี่ไฟฟ้า มีแนวโน้มที่จะไปลองสูบบุหรี่จริง
บุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า 'ต้นทางแรก' ทำเยาวชนติดยาเสพติด
ผศ.ดร.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) เผยว่า การใช้บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนทำให้เสพติดนิโคติน ซึ่งถือเป็นต้นทางแรก ประตูเชื่อมให้ไปสู่การเสพติด ยาเสพติดอื่นๆ ได้เพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะนิโคตินที่ใช้ในบุหรี่ไฟฟ้าเป็นนิโคตินสังเคราะห์ สามารถดูดซึมได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นมากกว่านิโคตินตามธรรมชาติ และยังก่อให้เกิดอาการระคายเคืองทางเดินหายใจส่วนต้นน้อยกว่านิโคตินแบบเดิมอีกด้วย ทำให้เด็กๆ เริ่มทดลองและเสพติดได้ง่ายมาก
สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย (ยท.) ร่วมกับกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรมได้ทำการศึกษาพฤติกรรมการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชนก่อนได้รับโทษคดียาเสพติด ในศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชน สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน 39 แห่งทั่วประเทศ
ผลการศึกษาพบว่า
ยาเสพติดที่นิยมมากที่สุดในเด็กและเยาวชน ได้แก่
ทั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้ ที่เริ่มสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ตั้งแต่อายุยังน้อย จะสามารถเปลี่ยนมาเป็นทั้งผู้เสพและผู้ขายยาเสพติดได้ในอนาคต ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติทั้งนี้การที่จะปราบปรามยาเสพติดได้อย่างเด็ดขาด ต้องแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นทาง คือการปกป้องเด็กและเยาวชนไทยจากการเข้าถึงบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า
นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้ปัจจุบันสารปรุงแต่งกลิ่นและรสในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ามีความหลากหลายมากถึง 16,000 รสชาติ ยกตัวอย่าง กลุ่มกลิ่นผลไม้ ขนมหวาน เครื่องดื่ม ลูกอม ซึ่งเป็นกลิ่นและรสที่นักสูบหน้าใหม่ชื่นชอบ นอกจากนี้ อุปกรณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้าหรือตัวน้ำยาเติมบุหรี่ไฟฟ้า ยังเอื้อให้ผู้สูบสามารถนำสารเสพติดอื่นมาผสมได้อีกด้วย
จากการศึกษาในสหรัฐอเมริกา พบว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้านำไปสู่การเสพติดกัญชา ในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยมีโอกาสมากถึง 3.6 – 4 เท่า และในขณะเดียวกันยังมีรายงานการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศแคนาดา เสี่ยงต่อการใช้กัญชาสูงถึง 4 เท่า
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคมีความห่วงใยในสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก เยาวชน อาจกลายเป็นนักสูบหน้าใหม่ได้ จึงขอฝากให้ผู้ปกครอง รวมถึง ครูอาจารย์ ช่วยกันแนะนำ ถึงอันตรายจากการใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ ผู้ที่ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโทษ พิษภัย ของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงการเลิกสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422
กรมควบคุมโรค เตือนอันตรายของควันบุหรี่ไฟฟ้า มีฝุ่นจิ๋ว PM 1.0 ดูดซึมง่าย ทำลายปอด หากสะสมไปเรื่อยๆ อาจเกิดความเป็นพิษต่อยีนในเซลล์ ก่อให้เกิดมะเร็งปอดได้ โดยควันบุหรี่ไฟฟ้านอกจากจะมี “นิโคติน” ปริมาณสูง มีสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย สารโลหะหนัก และสารเคมีก่อมะเร็งแล้ว ยังมีฝุ่นละอองขนาดเล็กที่สามารถแทรกซึมเข้าสู่ปอดได้ง่าย
จากผลการศึกษาในประเทศจีน โดยทดลองวัดปริมาณฝุ่นละอองจากควันบุหรี่ไฟฟ้าภายในห้องที่มีคนสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่มีการควบคุมสภาพแวดล้อมของห้อง พบฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็ก ทั้งโดยเฉพาะ PM 1.0 พบในควันบุหรี่ไฟฟ้ามากถึง 98% นอกจากนี้ หากฝุ่นละอองเหล่านี้ โดยเฉพาะ PM 1.0 ที่มีขนาดเล็กกว่า PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองจิ๋วที่มีขนาดไม่เกิน 1 ไมครอน เพราะอนุภาคขนาดเล็กมากที่สามารถเข้าสู่กระแสเลือดและปอดได้ หากสะสมไปเรื่อย ๆ ทำให้การทำงานของปอดบกพร่อง เกิดการอักเสบ และเกิดความเป็นพิษต่อยีนในเซลล์ต่างๆ เป็นสาเหตุของหอบหืด หลอดลมอักเสบ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง พังผืดในปอด รวมถึงก่อให้เกิดมะเร็งปอดได้
แหล่งอ้างอิง :
Center for tobacco products - FDA
ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.)
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล