21 กรกรฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก แพย์หญิง ฐิติมล ชัยธนทรัพย์ สูติแพทย์ โรงพยาบาลบึงกาฬ ว่า ทีมแพทย์ได้ทำการผ่าตัดถุงน้ำในรังไข่ขนาดประมาณ 24x34 เซนติเมตร น้ำหนักกว่า 9 กิโลกรัม ให้กับผู้ป่วยหญิงรายหนึ่งได้สำเร็จ
แพย์หญิง ฐิติมล กล่าวว่า เคสนี้ผู้ป่วยก็สงสัยว่าตนเองอ้วนขึ้น แต่คลำดูที่ท้องรู้สึกเหมือนมีก้อนจึงมาตรวจร่างกาย พบว่าเป็นถุงน้ำที่รังไข่ข้างขวา ขนาดประมาณ 24x34 เซนติเมตร คุณหมอได้ทำการตัดถุงน้ำและมดลูกออกทั้งหมด เนื่องจากพบความเสี่ยงการเป็นมะเร็ง ใช้เวลาผ่าตัดทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที จึงผ่าตัดได้สำเร็จ คนไข้ปลอดภัยดี
อย่างไรก็ตามเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา มีเคสผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 65 ปี มีอาการปวดหน่วงท้อง ท้องโตขึ้นมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยรับการตรวจรักษา เนื่องจากเข้าใจว่าตนเองอ้วนขึ้น ต่อมารู้สึกตึงที่หน้าท้อง คลำได้ก้อนชัดเจน จึงมาตรวจร่างกายกับแพทย์ ที่โรงพยาบาลบึงกาฬ จากผลตรวจ Ultrasound พบว่าเป็นถุงน้ำในรังไข่และผล CT scan พบถุงน้ำที่รังไข่ข้างซ้าย ขนาดประมาณ 27 เซนติเมตร แพทย์จึงผ่าตัด
ซึ่งผลการผ่าตัด เพื่อนำถุงน้ำในรังไข่สามารถออกมาได้ทั้งหมดอย่างปลอดภัย ใช้เวลา 1 ชั่วโมง น้ำหนักของก้อน ประมาณ 7.65 กิโลกรัม หลังผ่าตัดผู้ป่วยนอนพักรักษาตัวและเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด ไม่มีอาการผิดปกติก็สามารถกลับบ้านได้
สำหรับอาการของโรคนี้ ถ้าเนื้องอกมันมีขนาดเล็ก มันมักจะไม่แสดงอาการใด ๆ เลย และถ้าก่อนมันโตขึ้นตนไข้ถึงจะมีอาการ จากการไปกดเบียด เช่น ปัสสะวะบ่อย หรือว่ามีอาการอืดแน่นท้อง ปวดท้อง ซึ่งโดยทั่วไปเนื้องอกในรังไข่ จะมีหลายชนิด ซึ่งบางชนิดก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง ต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญตรวจก่อนทำการผ่าตัด
ถุงน้ำในรังไข่ มักพบมากในผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปี ขึ้นไป ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดถุงน้ำในรังไข่ คือโรคอ้วน ภาวะที่มีบุตรน้อย และกรรมพันธุ์อีกส่วนหนึ่ง ก็อยากเชิญชวนให้ผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปี ขึ้นไป มาตรวจร่างกาย ตรวจภายใน ตรวจอัลตราซาวด์ ประจำปี