10 ธันวาคม 2567 เป็นเรื่องราวที่สังคมยังติดตาม กรณีที่ "ผิง ชญาดา" สาวนักร้องรถแห่ ในจังหวัดอุดรธานี เสียชีวิต หลังจากมีอาการปวด และได้ไปนวดที่ร้านนวดแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี แม้ล่าสุด นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ยืนยันถึงสาเหตุการเสียชีวิตว่า ไม่ได้เป็นเพราะการนวด แต่เกิดจากแพทย์ โรงพยาบาลอุดรธานี ตรวจพบว่า นักร้องสาวรถแห่มีอาการ แขนขาอ่อนแรง
และตรวจเอ็มอาร์ไอ เพิ่ม พบว่า ไม่มีกระดูกคอหักหรือเคลื่อน ตรวจโดยเจาะน้ำไขสันหลัง สรุปวินิจฉัยเป็น "โรคไขสันหลังอักเสบ" ซึ่งได้ให้ยารักษา หลังจากนั้นอาการเริ่มดีขึ้นจึงกลับไปพักที่บ้าน แต่หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ยังมีอาการเกร็งกระตุกตามร่างกาย จนวันที่ 22 พ.ย.2567 มีอาการเกร็งและอ่อนแรงมากขึ้น จึงเข้าไอซียู รพ.อุดรธานี มีอาการช็อคจากติดเชื้อในกระแสเลือด และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา
โดย "โรคไขสันหลังอักเสบ" ถือเป็นภัยเงียบ ที่หลายคนอาจยังไม่รู้จัก และไม่รู้ว่ามีความร้ายแรงมากขนาดใน และมีความยากลำบากในการรักษาอย่างไร
นางสาวกิตติพร หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากโรคดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนได้เข้ารับการรักษาจากอาการป่วยด้วยโรคไขสันหลังอักเสบ ในช่วงปี 2563 โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ กับ ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาท คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อาการของตนนั้นเริ่มแรกมีการปวดที่ตรงบ่าไหล่ และลุกลามขึ้นไปบนหัว
ตอนแรกก็คิดว่า ตัวเองนั้นพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่ก็อาการไม่ดีขึ้น และมีอาการชาตั้งแต่คอแขนและลามไปถึงขา และร่างกายเริ่มอ่อนแรงลงควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่มีแรง จึงตัดสินใจไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนาน 1 เดือน กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
นางสาวกิตติพร เล่าวว่า หลังจากออกโรงพยาบาล ก็ต้องมีการกายภาพบำบัด และใช้ไม้ค้ำยันในการพยุงตัวเองเดินกว่า 4 เดือน ซึ่งในช่วงนั้นต้องขอบคุณทางแพทย์ที่วินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายไม่เสียหายหนักไปมากกว่านี้ ซึ่งปัจจุบันก็ยังยังคงอยู่ในขั้นขั้นตอนของการรักษาระยะยาว เพื่อควบคุมอาการของโรคไม่ให้กำเริบขึ้นอีก ต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจะมียาสเตียรอยด์ยากดภูมิ ในช่วงที่ป่วยนั้นถือว่าทรมานอย่างมากในชีวิตประจำวัน เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย ปัจจุบันนั้นตนได้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติได้ทำงาน แต่ก็ยังต้องระมัดระวังตัวเองรับประทานยาให้ตรงเวลา เพื่อไม่ให้กลับมาเจ็บป่วยได้อีกครั้ง