10 ธันวาคม 2567 ที่ กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (บก.น.6) พล.ต.ท.สำราญ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) เป็นประธาน แถลงผลการจับกุม พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ ลักลอบขนส่งยาเสพติด พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 15 ล้านเม็ด โดยคดีนี้ ตำรวจ กก.สส.บก.น.6 ได้ทำการสืบสวนขยายผลเริ่มต้นจากการจับกุม ผู้ค้ารายย่อยที่ล่อซื้อผ่านทาง X (ทวิสเตอร์) เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 66 จนนำไปสู่การจับกุมผู้ค้ารายสำคัญหลายราย ได้ของกลางจำนวนมาก
จากการสืบสวนพบว่า เครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว เมื่อถูกจับกุมไปแล้ว จะนำคนอื่นในเครือข่ายที่ไม่เคยมีประวัติมาทำหน้าที่แทน เมื่อติดตามพฤติการณ์ของกลุ่มเครือข่ายดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องโดยตลอดพบว่า ในช่วงเดือน พ.ย.67 กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดย่านเชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มีการเคลื่อนไหวขนลำเลียงยาเสพติดหลายครั้ง จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมประสานข้อมูลกับหน่วยต่างๆ ไปเฝ้าติดตามกลุ่มเครือข่ายดังกล่าว
ในขณะที่ตำรวจวางกำลังเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเมื่อวันที 9 ธ.ค.67 เวลาประมาณ 03.00 น. พบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีเทา แบบมีคอกเหล็กสูง ใช้ผ้าใบปิดคลุม กำลังขับมาที่กลางซอยถนนรณชัย หมู่ที่ 8 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เชื่อว่าเป็นรถใช้ขนยาเสพติดมาเก็บที่โกดัง จึงได้ทำการสกัดรถยนต์คันดังกล่าวเพื่อตรวจค้น มีนายวีรเทพ อายุ 30 ปี เป็นคนขับ
จากการตรวจค้นภายในรถกระบะบรรทุกประเภทเครื่องอุปโภคบริโภค เช่น ขนม เครื่องดื่มชูกำลัง เส้นบะหมี่จากประเทศเพื่อนบ้าน วางไว้อยู่ด้านท้ายและด้านบน เพื่อปกปิดและอำพรางการตรวจค้นของตำรวจ แต่จากการรื้อตรวจค้นด้านในกระบะ พบกระสอบสีขาว ซึ่งเป็นยาเสพติด (ยาบ้า) จำนวน 78 กระสอบๆ ละประมาณ 200,000 เม็ด รวมจำนวนยาบ้า ประมาณ 15,600,000 เม็ด (ยาบ้าสีส้มประทับตรารูป UFO, ยาบ้าสีแดงประทับตรารูปเครื่องบิน F35 ที่หีบห่อ)
เบื้องต้น นายวีรเทพ สารภาพว่า ตนทำหน้าที่ขับรถยนต์ไปขนลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคกลางตามจุดนัดหมาย แล้วนำยาเสพติดมาพักเก็บไว้ที่โกดังในพื้นที่ อ.บางปะอิน จ.อยุธยา โดยจะได้รับค่าจ้างครั้งละ 10,000-30,000 บาท เป็นรายได้เสริม ซึ่งผู้ต้องหามีงานประจำทำอยู่ที่โรงงานย่านนวนคร จ.ปทุมธานี ได้รับเงินเดือนๆ ละ 17,000 บาท และเมื่อปลายเดือน พ.ย.67 ผู้ต้องหารับว่า ได้ร่วมกับกลุ่มบุคคลในเครือข่ายยาเสพติดไปร่วมทริป “น้ำไม่อาบ” ที่ภูทับเบิก
ตำรวจจึงควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ในความผิดฐาน "จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน เป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป" เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
รายงานระบุว่า สำหรับการจับกุมยาบ้ากว่า 15.6 ล้านเม็ดครั้งนี้ ตำรวจ บก.น.6 ได้ขยายผลการจับกุมจากผู้ค้ารายย่อยในโซเชียลตั้งแต่ 10 มิ.ย.66 ก่อนมีการขยายผลต่อเนื่องสามารถจับกุม ได้รวม 7 เครือข่าย ผู้ต้องหา 17 คน พร้อมของกลางยาบ้า 46,358,000 เม็ด , เคตามีน 96.44 กก. , ยาอี 9,000 เม็ด , ยาไอซ์ 407 กก. , เฮโรอีน 1.51 กก. , อาวุธปืน 1 กระบอก กระสุน 16 นัด