กระทรวงสาธารณสุขเลบานอน รายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 22 ราย และผู้บาดเจ็บ 117 รายจากการโจมตีทางอากาศระลอกใหม่ของอิสราเอลในพื้นที่ตอนกลางกรุงเบรุตในคืนวันที่ 10 ตุลาคม
จุดที่โจมตีล่าสุดอยู่ในย่านบาสตา ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ตอนใต้ของเบรุต ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของฮิซบอลเลาะห์ และเป็นย่านของชนชั้นแรงงาน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฮิซบอลเลาะห์ หรือ กลุ่มการเมือง รวมทั้งเป็นย่านที่มีอะพาร์ตเมนต์หลายหลัง และยังไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าให้อพยพ การโจมตีพื้นที่ตอนกลางของเบรุตครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 10 วัน
และนาจิบ มิกาติ รักษาการนายกรัฐมนตรีเลบานอน เรียกร้องให้สหประชาชาติมีมติที่เรียกร้องให้อิสราเอลหยุดยิงทันที และย้ำให้อิสราเอลหยุดการโจมตีต่อพลเรือนและย่านที่อยู่อาศัย หลังจากมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 139 ราย ทั่วเลบานอนเมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งทั้งหมดเป็นพลเรือน
นอกจากนี้กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ย้ำเรียกร้องให้อิสราเอลดำเนินมาตรการทุกอย่างเพื่อปกป้องชีวิตพลเรือนระหว่างปฏิบัติการ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยหนาแน่นในเบรุต
แหล่งข่าว เปิดเผยว่า อิสราเอลพุ่งเป้ากำจัด วาฟิก ซาฟา ซึ่งเป็นน้องเขยของฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ที่ถูกสังหารเมื่อปลายเดือนที่แล้ว และหนึ่งในเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์ แต่มีรายงานว่า เขารอดชีวิต
ความพยายามสังหารนายซาฟา ซึ่งมีบทบาทด้านความมั่นคงและการเมือง บ่งชี้ว่า อิสราเอลขยายเป้าหมายจากเดิมมุ่งสังหารผู้บัญชาการทางทหารและผู้นำระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์
ขณะที่อิสราเอล อ้างว่า ฮิซบอลเลาะห์ยิงจรวดกว่า 190 ลูก จากฝั่งเลบานอนข้ามพรมแดนไปยังอิสราเอลเมื่อวันพฤหัสบดี
ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศทำลายเป้าหมายโครงสร้างพื้นฐานของฮิซบอลเลาะห์ โดยมุ่งพื้นที่ภาคใต้ของเลบานอน, พื้นที่ตอนใต้ของกรุงเบรุต และหุบเขาเบกา และอิสราเอลเริ่มบุกภาคพื้นดินในภาคใต้ของเลบานอนเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม
กองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในเลบานอน หรือ UNIFIL เปิดเผยว่า ทหาร 2 นายจากอินโดนีเซียได้รับบาดเจ็บ เมื่อรถถังอิสราเอลยิงใส่หอสังเกตการณ์ที่กองบัญชาการหลักในเมืองนากูรา ทำให้หอได้รับความเสียหายและทหารตกสู่พื้นล่างพร้อมกับระบุว่า การโจมตีดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
นอกจากนี้ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ กังวลอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์อิสราเอลยิงใส่ฐานบัญชาการของทหารยูเอ็น และเรียกร้องให้อิสราเอลชี้แจงสิ่งที่เกิดขึ้น
ขณะที่อิสราเอลชี้แจงว่า มีการแจ้งเตือนแล้วให้ทหาร UNIFIL ออกจากพื้นที่ไปทางเหนือราว 5 กม. เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากการสู้รบที่หนักหน่วงยิ่งขึ้น แต่ทหาร UNIFIL ยืนยันอยู่ในพื้นที่ต่อไป