คำประกาศที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ของรัฐบาลรัสเซีย ระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สั่งให้เพิ่มกำลังทหารของกองทัพเป็น 2.38 ล้านนาย โดยในจำนวนนี้ เป็นทหารประจำการราว 1.5 ล้านนาย และคำสั่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ธันวาคม
ข้อมูลจากสถาบันการศึกษายุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ (International Institute for Strategic Studies) หรือ ไอไอเอสเอส (IISS) ซึ่งเป็นองค์กรคลังสมองด้านการทหาร ระบุว่า การเพิ่มขึ้นของกำลังพลดังกล่าวจะทำให้กองทัพรัสเซียมีจำนวนทหารประจำการ แซงหน้ากองทัพสหรัฐฯ กับอินเดีย และเป็นรองแค่กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ที่คาดว่ามีกำลังพลกว่า 2 ล้านนาย
คำสั่งเพิ่มกำลังทหารครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 ในรอบกว่า 2 ปี นับตั้งแต่รัสเซียส่งทหารบุกยูเครน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2565 โดยก่อนหน้านี้ปูติสั่งเพิ่มกำลังทหาร 137,000 นาย และอีก 170,000 นาย ตามลำดับ การขยายขนาดกองทัพมีขึ้นในขณะที่ทหารรัสเซียกำลังเดินหน้ารุกคืบในภาคตะวันออกของยูเครน และต้านทานการรุกคืบของกองทัพยูเครนในแคว้นเคิร์สก์ ไปพร้อมๆ กัน ท่ามกลางการสูญเสียกำลังพลในสนามรบจำนวนมาก และเมื่อเดือนมิถุนายนปูติน เปิดเผยว่า มีทหารรัสเซียปฏิบัติการสู้รบในยูเครนเกือบ 700,000 นาย
นับจากรัสเซียระดมพลทหารกองหนุน 300,000 นาย เพื่อรับมือการตอบโต้กลับของกองทัพยูเครนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 ปูตินก็เลือกพึ่งพากำลังทหารอาสาด้วยการยอมจ่ายค่าจ้างค่อนข้างสูง โดยไม่เรียกทหารกองหนุนเพิ่มเติม เพราะกลัวซ้ำรอยกรณีชายชาวรัสเซียหลายแสนคนหนีออกนอกประเทศ เพื่อเลี่ยงการถูกเกณฑ์ไปรบ