สภาคองเกรสของสหรัฐฯ ได้ผ่านร่างกฎหมายที่จะนำไปสู่การแบนแอปพลิเคชั่นยอดนิยมอย่าง TikTok ทั่วประเทศ และเมื่อประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าว จะส่งผลให้แอปพลิเคชั่น TikTok ถูกนำออกจากระบบแอปพลิเคชั่นของสมาร์ทโฟนทุกรุ่นในสหรัฐฯ เช่น AppStore ของ Apple และ Play Store ของ Google
อย่างไรก็ตาม TikTok ยังคงมีเวลาที่จะเคลื่อนไหวในเรื่องนี้
ฝ่ายนิติบัญญัติจากทั้งสองฝ่ายในสหรัฐฯ ได้กดดันให้ออกกฎหมายแบน TikTok มาระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากพวกเขามองว่า การที่ TikTok เป็นเจ้าของโดย ByteDance ซึ่งเป็นบริษัมสัญชาติจีน อาจทำให้แอปพลิเคชั่นดังกล่าวตกอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐบาลจีนที่อาจใช้ช่องทางนี้ในการสอดแนมสหรัฐฯ จึงนับว่ามีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ
แม้ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะลงนามแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าการแบนจะมีผลบังคับใช้ในทันที และอาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าที่แอปพลิเคชั่นจะถูกปิดการเข้าถึงในสหรัฐฯ เนื่องจากทาง ByteDance เองก็อาจมีการฟ้องร้องต่อศาลฎีกา เพื่อต่อต้านการบังคับให้ขายบริษัท
นอกจากนี้ กฎหมายดังกล่าวยังให้เวลา ByteDance เก้าเดือน ในการขาย TikTok ให้กับผู้ซื้อชาวอเมริกัน โดยมีระยะเวลาผ่อนผันเพิ่มเติมอีกสามเดือน ก่อนที่การแบนจะมีผล
นั่นหมายความว่าเส้นตายการขายน่าจะเกิดขึ้นในช่วงปี 2568 หลังจากที่ผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2567 เข้ารับตำแหน่ง ซึ่งหากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ชนะ เขาอาจพยายามขัดขวางไม่ให้มีการบังคับใช้ร่างกฎหมายดังกล่าว โดยอ้างว่าการแบน TikTok จะทำให้แพลตฟฟอร์มคู่แข่งอย่าง Facebook ได้รับผลประโยชน์อย่างไม่ยุติธรรม
ด้านผู้บริหารของ TikTok ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายดังกล่าวว่า เป็นการปิดกั้นและดูหมิ่นสิทธิในการแสดงออกของผู้คนในสหรัฐฯ ทั้งยังเตือนด้วยว่าหากร่างกฎหมายฉบับนี้ถูกบังคับใช้ จะทำให้แพลตฟอร์มบริษัทโซเชียลมีเดียอื่นๆ มีอำนาจมากขึ้น และทำให้ตำแหน่งงานหลายพันตำแหน่งในสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะตกงาน