svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

ไบเดนร่วมประท้วงครั้งแรก หนุนแรงงานรถยนต์ หวังเรียกคะแนนนิยม

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน สร้างประวัติศาสตร์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อยู่ในตำแหน่งคนแรกเข้าร่วมการชุมนุมประท้วง โดยร่วมปราศรัยต่อแรงงานรถยนต์ที่หยุดงานประท้วงในรัฐมิชิแกน ซึ่งเป็นความพยายามแย่งชิงคะแนนนิยมจากกลุ่มแรงงานก่อนการเลือกตั้งปลายปีหน้า

ไบเดนร่วมประท้วงครั้งแรก หนุนแรงงานรถยนต์ หวังเรียกคะแนนนิยม ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งสวมหมวกเบสบอลที่มีสัญลักษณ์ของสหภาพแรงงานรถยนต์ (UAW) ใช้โทรโข่งปราศรัยท่ามกลางพนักงานภายในโรงงานของบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ ที่เมืองเบลล์วิลล์ รัฐมิชิแกนเมื่อวันอังคาร (26 กันยายน) เพื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องของแรงงานในการขึ้นค่าจ้าง 40%

ทำเนียบขาว ระบุว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่งเข้าร่วมการประท้วงในประวัติศาสตร์ยุคใหม่

การหยุดงานประท้วงของสมาชิก UAW เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน ซึ่งเป็นการหยุดงานประท้วงครั้งแรกที่กระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ทั้ง 3 แห่งของสหรัฐฯ และกลายเป็นสนามฟุตบอลทางการเมืองสำหรับไบเดน และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการแข่งกันเรียกคะแนนนิยมจากแรงงาน ก่อนที่ทั้งคู่น่าจะได้เป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันเข้าสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกครั้งในปีหน้า

ไบเดนร่วมประท้วงครั้งแรก หนุนแรงงานรถยนต์ หวังเรียกคะแนนนิยม การเข้าร่วมการประท้วงของไบเดนครั้งนี้มีขึ้นเพียงหนึ่งวันก่อนที่ทรัมป์จะเยือนรัฐมิชิแกน ที่เป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯ และเป็นสนามเลือกตั้งใหญ่สำหรับการเลือกตั้งปลายปีหน้า 

ไบเดนพยายามเรียกคะแนนนิยมจากลุ่มสหภาพแรงงาน ที่เป็นฐานเสียงสำคัญทำให้ชนะทรัมป์ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2563 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับคะแนนนิยมที่ร่วงต่ำลง อายุของเขาและความพยายามขายนโยบายเศรษฐกิจ “ไบเดนนอมิกส์”  ไม่อาจเรียกความสนใจจากผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งเท่าที่ควร

ไบเดนร่วมประท้วงครั้งแรก หนุนแรงงานรถยนต์ หวังเรียกคะแนนนิยม ขณะที่ UAW ยังไม่ประกาศสนับสนุนพรรคใดในการเลือกตั้งปีหน้า แต่เคยบอกเมื่อเดือนพฤษภาคมว่า กังวลเกี่ยวกับนโยบายของไบเดนที่มุ่งส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า และเป็นประเด็นที่ทรัมป์ใช้โจมตีไบเดนว่า นโยบายรถอีวีจะทำลายอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯ และทำให้แรงงานหลายพันคนตกงาน

ผลสำรวจของเอบีซีนิวส์ และวอชิงตันโพสต์ที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ พบว่า ทรัมป์มีคะแนนนิยมทิ้งห่างไบเดนที่ 52% ต่อ 42% ในการแข่งขันตัวต่อตัว ส่วนผลโพลล์อื่น ๆ ระบุว่า ทั้งคู่มีคะแนนนิยมไล่เลี่ยกัน แต่คะแนนนิยมของไบเดนยังอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะประเด็นเศรษฐกิจ สืบเนื่องจากราคาสินค้าพุ่งสูง