หน่วยนาวิกโยธินของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า พบชิ้นส่วนเครื่องบินขับไล่ F-35 กลางทุ่งในพื้นที่ชนบท ห่างจากฐานทัพชาร์ลส์ตัน ในรัฐเซาท์แคโรไลนาที่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงเมื่อวันจันทร์ (18 กันยายน) หลังจากนักบินดีดตัวออก และประชาชนได้รับคำเตือนให้หลีกเลี่ยงเข้าใกล้บริเวณที่พบชิ้นส่วนเครื่องบิน เพื่อให้หน่วยนาวิกโยธินเริ่มขั้นตอนการกู้ชิ้นส่วนเครื่องบิน
เครื่องบินรบมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ลำนี้เริ่มหายไปเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ หลังจากนักบินดีดตัวออกและกางร่มชูชีพลงสู่พื้นได้อย่างปลอดภัยในย่านนอร์ธชาร์ลสตัน และกองทัพได้แจ้งให้ประชาชนช่วยแจ้งเบาะแสเพื่อตามหาเครื่องบินลำนี้
ตอนแรกเจ้าหน้าที่มุ่งค้นหารอบทะเลสาบมอลทรี และทะเลสาบแมริออน ทางตอนเหนือของเมืองชาร์ลสตัน ซึ่งเป็นตำแหน่งสุดท้ายของเครื่องบิน แต่ล่าสุดชิ้นส่วนที่พบกลางทุ่งได้รับการยืนยันว่า เป็นชิ้นส่วนของเครื่องบินที่หายไปแล้ว
เครื่องบินที่ประสบเหตุเป็นรุ่น FB-35B Lightning II ซึ่งเป็นเครื่องบินสเตลท์ หรือ เครื่องบินล่องหน ที่สามารถหลบหลีกเรดาร์ และประจำการในหน่วยฝึกนักบินเครื่องบินขับไล่โจมตีที่ 501 ของนาวิกโยธิน
หน่วยนาวิกโยธินประกาศให้ระงับภารกิจทางอากาศของฝูงบินทั้งหมดของหน่วยนาน 2 วันในสัปดาห์นี้ และจะมีการหารือเรื่องการปฏิบัติภารกิจการบินด้วยความปลอดภัย นอกจากนี้กำลังมีการสอบสวนสาเหตุที่เครื่องบินตก และยังไม่อาจให้รายละเอียดได้
ส่วนโฆษกฐานทัพชาร์ลสตัน บอกกับสื่อว่า เครื่องบิน F-35 ถูกควบคุมด้วยระบบออโตไพล็อต เมื่อนักบินดีดตัวออก และอาจบินอยู่ในอากาศระยะหนึ่ง ซึ่งเพิ่มความยากลำบากในการค้นหา
แต่นักวิเคราะห์ มองว่า เป็นไปได้ยากที่เครื่องบินจะยังบินต่อไปได้หลังนักบินดีดตัว สืบเนื่องจากความเสียหายจะที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินเมื่อที่นั่งนักบินดีดตัวออก และการเปลี่ยนแปลงของการเคลื่อนที่ของอากาศ เมื่อหลังคาเครื่องบินเปิดออก
เมื่อเครื่องบินบินไปยังจุดหมายตามที่วางแผนไว้ล่วงหน้า ตำแหน่งที่เครื่องบินตกอาจประเมินได้จากช่วงเวลาที่น้ำมันเชื้อเพลิงจะหมดลง นอกจากนี้ความเร็วและระดับความสูงของเครื่องบินในนาทีที่นักบินดีดตัวออก และปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหลือ ก็ยิ่งทำให้การคำนวณหาจุดตกยิ่งง่ายขึ้น