ส่วนผลตอบแทนของการยินยอมไปลี้ภัย และหยุดความเสี่ยงต่อการปะทะระหว่างสองกองทหารฝ่ายเอกชนกับฝ่ายรัฐบาลนั้น ยังไม่รู้ว่าจะได้รางวัลอะไร แต่โฆษกรัฐบาลรัสเซียออกมาประกาศว่าจะไม่ดำเนินคดีแข็งข้อหรือเป็นกบฏ
รัสเซียไม่เคยมีประวัติของการรัฐประหารสำเร็จ แม้แต่ครั้งเดียว เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกใจว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นเจตนาการทำรัฐประหารของฝ่ายทหารเอกชน Wagner แต่เป็นการตัดสินใจทำเพื่อเหตุผลบางอย่างที่จะวิเคราะห์ได้เมื่อมีข้อมูลเปิดเผยเพิ่มเติม
ข่าวการแข็งข้อของกลุ่มทหารเอกชน Wagner นับว่าเป็นข่าวใหญ่ที่สุดในรอบปีค.ศ. 2023 Prigozhin มีอำนาจและอิทธิพลในปัจจุบันได้ ก็เพราะปูตินปั้นขึ้นมาจากการเป็นนักธุรกิจด้านอาหาร และกลายเป็นผู้นำทหารแนวแปลกใหม่ ทั้งที่ไม่มีประสบการณ์เลยเริ่มต้นเมื่อปีค.ศ. 2014
การไปลี้ภัยที่เบลารุสครั้งนี้ อาจไม่ใช่การสิ้นสุดด้านการปฎิบัติการทางทหาร หรือความทะเยอทะยานทางการเมืองของบุคคลคนนี้
การตัดสินใจหยุดการปฎิบัติการวันนี้ เพื่อเลี่ยงการนองเลือดในรัสเซียอาจเป็นเพราะ “ความนับถือ และความระลึกถึงบุญคุณของปูติน ที่มีความสัมพันธ์กันมาอย่างลึกซึ้ง เป็นเวลากว่าทศวรรษ”
ส่วนคำถามที่ว่า “ทำไมกลุ่มทหารเอกชนซึ่งมีกำลังพล 25,000 ถึง 50,000 คน จึงกล้าประเชิญหน้ากับกองกำลังทหารรัสเซีย ซึ่งมีกำลังพลกว่า 1,000,000 นาย ในจำนวนนี้เป็นทหารตามสัญญาจ้าง 400,000 นาย” นั้น
คำตอบคือ ปัจจุบันการทำสงคราม นอกจากการใช้ยุทธวิธีทางทหาร สิ่งที่สำคัญคือจิตวิทยา โดยมี เครื่องมือคือโซเชียลมีเดีย ซึ่งกลุ่ม Wagner ใช้ Telegram App สื่อสารกับประชาชนทุกวันและได้รับความนิยมและเชื่อถือจากประชาชนมาก
Prigozhin มีเสน่ห์และบารมี มีความเฉลียวฉลาดในการยกประเด็นโดยชี้ชวนให้ชาวรัสเซีย มองว่าปัญหาที่พวกเขาประสบอยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะคอรัปชั่นและการเอาเปรียบโดยกลุ่มผู้นำทางทหารและทางเศรษฐกิจของรัสเซียในปัจจุบัน ขณะที่ประชาชนทั่วไปยังลำบาก
Wagner เชื่อว่ากลุ่มคนรัสเซียส่วนใหญ่ยังสามารถจะถูกโน้มน้าวจิตใจได้ หากเขาคิดว่าฝ่ายใดจะชนะและมีอำนาจในอนาคต ก็จะหันเทมาให้ความสนับสนุน รวมทั้งทหารประจำการปัจจุบันซึ่งขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหมก็อาจจะเปลี่ยนมาเข้าข้างกลุ่มเอกชนก็ได้หากเขาคิดว่ากลุ่มนี้จะชนะ
การแสดงความเข้มแข็งคือ จุดขายที่สำคัญในวัฒนธรรมรัสเซีย ใครที่อ่อนแอก็จะมีจุดจบที่น่ากลัวเสมอ
การเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียจะมาถึงในเดือนมีนาคมปีหน้า ค.ศ. 2024 Prigozhin พูดอย่างไม่เกรงใจว่า “ไม่เป็นไรที่ประธานาธิบดีได้รับข่าวสารผิดจากคนใกล้ชิด เราจะมีประธานาธิบดีใหม่อยู่แล้วในอีกไม่นาน เพราะฉะนั้นฉันไม่ห่วง” สังเกตว่าไม่เอ่ยชื่อปูติน
คำกล่าวนี้ เป้าหมายคือ “การสื่อสารกับประชาชนทางโซเชียลมีเดีย” มากกว่าที่จะทำให้เกิดความโกรธเคืองจากปูติน แสดงถึงการตัดสินใจเด็ดขาดไม่เกรงกลัวต่อการลงโทษจากประธานาธิบดีปูตินผู้ปั้นตนเองขึ้นมาและเป็นผู้ที่ปกป้องตนเองมาตลอด ซึ่งอาจเป็นการลองทดสอบว่าปูตินอ่อนแอลงหรือยัง และรัสเซียพร้อมหรือไม่ที่จะเปลี่ยนบุคคลที่มีความเข้มแข็งเด็ดขาดสามารถสื่อสารกับประชาชนได้อย่างชัดเจนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำแทน
สรุปคือเหตุการณ์เมื่อวานนี้ Prigozhin ต้องการทดสอบว่าความเข้มแข็งของเขานั้นประชาชนพร้อมยอมรับได้ไหม และขณะเดียวกันปูตินยังเข้มแข็งและเป็นที่นิยมมากเพียงใด
เมื่อได้คำตอบแล้วจึงยอมลี้ภัย หากดื้อดึงต่อไปก็คือ ต้องยอมสละชีวิต กองทหารเอกชน 5,000 คนที่เดินทางไปเกือบถึงมอสโกแล้วก็อาจจะสูญเสียชีวิตทั้งหมด และผู้นำ Wagner ที่เมือง Rostov-on-Don กับทหารอีก 20,000 คนก็จะสูญเสียมากเช่นกัน
สังเกตได้ว่าประธานาธิบดีปูติน ออกมาแถลงการณ์เมื่อวานนี้ ขู่ว่าจะดำเนินคดีและลงโทษทุกคน ที่มีส่วนร่วมในการแข็งข้อและเป็นกบฏ แต่ไม่เอ่ยชื่อผู้นำ Wagner นาย Prigozhin แม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งย้ำให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคน และอาจเป็นความที่ปูตินมีประสบการณ์สูง จึงทิ้งโอกาสไว้ให้มีการประนีประนอม และหาทางออกอย่างที่เราเห็นครับ