เจ้าสัว ธนินท์ เจียรวนนท์ แห่งอาณาจักรซีพี วัย 83 ปี ถือครองทรัพย์สินสูงเกือบ 1 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 5 แสนล้านบาท นับเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในประเทศไทย แต่ติดอยู่ในอันดับที่ 116 จากการจัดอันดับของ Forbes ทรัพย์สินในปีนี้ ถือว่า เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว ( 2022 )
นอกจากนี้ในตระกูล เจียรวนนท์ ที่ติดอันดับของ Forbes ในอันดับที่ 425 และ 437 คือ นายสุเมธ เจียรวนนท์ อายุ 88 ปี และนายจรัญ เจียรวนนท์ อายุ 93 ปี และติดอันดับ 4 และ 5 ของเศรษฐีไทย
นอกจากนี้ ในชาร์ต ผู้ที่มีทรัพย์สินเกินพันล้านดอลลาร์ ยังมีคนของตระกูลเจียรวนนท์ ติดเข้าไปอีกสามคน คือ นายพงษ์เทพ นายมนัส และ นายประทีป เจียรวนนท์ ติดอันดับรวยอันดับที่ 13,15 และ 16 ของไทย
ขณะที่ เจ้าสัว เจริญ สิริวัฒนภักดี วัย 78 ปี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจ
แอลกอฮอล, อสังหาริมทรัพย์ อาหารและเครื่องดื่ม มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือกว่า 5 แสนล้านบาท อยู่ในอันดับที่ 118
ส่วนอันดับที่ 141 ของ Forbes คือ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานกรรมการเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) วัย 57 ปี ซึ่งทำธุรกิจพลังงาน มีทรัพย์สินเกิน หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน และ รวยสุดอันดับที่ 3 ของไทย
ส่วนนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ วัย 90 ปี เจ้าของธุรกิจโรงพยาบาลและการดูแลสุขภาพ อยู่ในอันดับที่ 818 ของ Forbes ขณะที่รวย เป็นอันดับ 8 ของไทย
นายประยุทธ มหากิจศิริ เจ้าพ่อเนสกาแฟ วัย 77 ปี อยู่ในอันดับที่ 1217 ของ Forbes รวยเป็นอันดับ 10 ของไทย
ขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วัย 73 ปี ที่คร่ำหวอดในธุรกิจการเงิน และการลงทุน ติดอันดับที่ 1,434 ของ Forbes และรวยเป็นอันดับที่ 12 ของไทย โดยมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2,100 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 7 หมื่นล้านบาท
แต่เป็นที่น่าแปลกว่าในปีนี้ คนในตระกูลอยู่วิทยา เจ้าของกระทิงแดง ไม่ได้ติดอันดับมหาเศรษฐีของ Forbes ทั้งที่เมื่อไม่นานมานี้ เพิ่งมีรายงานว่า ตระกูลอยู่วิทยา มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเกือบ 8 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 300 ล้านบาท จากการขายกระทิงแดง ได้มากกว่า 1.1 หมื่นล้านกระป๋องทั่วโลก ซึ่งพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่ผ่านมา และ ครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในหมวดสินค้าประเภทนี้
ตระกูลอยู่วิทยา จึงขึ้นแท่นเป็นตระกูลที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากสุดในเอเชีย จากข้อมูลของ Bloomberg Billionaires Index สวนทางกับตระกูลเศรษฐีผู้มั่งคั่งที่สุดในโลก ซึ่งส่วนใหญ่จะมีทรัพย์สินน้อยลง จากความผันผวนของตลาดเมื่อปีที่แล้ว