ทำไมถึงตัดสินใจกลับมาเล่นละครอีกครั้ง
ถามว่าตัดสินใจนานไหม ไม่นานนะพอดีว่าช่วงนี้ลูกโตแล้วด้วย ที่ไม่ได้เล่นละคร อย่างแรก เราไม่ค่อยมีเวลาให้กองละคร อีกเรื่องก็มีความกังวลเรื่องของลูก กลัวว่าจะไม่มีคนดูแลลูก เวลาเราเล่นละคร เราก็จะให้คิวทางฝั่งละครเต็มๆ เลยแต่ตอนนี้ลูกโตแล้ว คนโตอายุ15 ปี คนเล็ก 11 ปี ตอนนี้เหมือนว่าปล่อยได้แล้วไม่ต้องดูมาก อาทิตย์หนึ่งเลยขอมาทำงานสัก 4 วัน มันไม่ได้ว่าเป็นข้อตกลงของที่บ้านหรอกนะ เราตัดสินใจเอง เพราะสามีของเรา เขาทำงานจันทร์ถึงศุกร์ (เรียกว่าหน้าที่หลักคือการเป็นคุณแม่ฟูลไทม์เลย)ก็ใช่อย่างนั้นเลยนะ ตั้งแต่มีน้องเลย แล้วเราก็มีทำบริษัทของตัวเองด้วย แต่ว่ามันก็ไม่ต้องเข้าทุกวันได้นะ ถามว่าพอกลับมาทำงานในวงการมองบทอย่างไรบ้าง บทอะไรก็ได้นะ ไม่เลือกนะ แก่แล้ว เราเล่นได้หมดแต่ว่าจะให้มาเล่นร้ายเหมือนเมื่อก็ไม่มีพลัง(ยิ้ม) จริงๆ ด้วยวัยแบบนี้ก็ไม่พ้นบทแม่
ถามว่าเคยเล่นบทร้ายมาพอมารับบทเรียบๆ มีแอบคิดถึงบทที่เคยแสดงไว้บ้างไหม
นึกถึงบทแบบนั้น ด้วยเรื่อง "ภารกิจลิขิตหัวใจ"ที่เราแสดงเป็นบทคุณแม่ธรรมดาๆ แล้วเป็นแม่เลี้ยงของนางเอก ( "วิว" วรรณรท สนธิไชย) คือเราเป็นแม่เลี้ยงที่ใจดี ไม่ได้เป็นแม่เลี้ยงที่ร้าย เล่นไปก็นึกนะ เพราะว่าอย่างบทของพี่เจี๊ยบ(ปวีณา ชารีฟสกุล) ที่เล่นเป็นแม่จริงๆ ของนางเอก เราอ่านบทดูแล้ว เรายังโอ้โห...เลย เราว่าตัวเราเองก็เล่นไม่ได้ เราไม่มีพลัง นานๆ ทีเรามาเล่นสักครั้ง คิดว่าถ้าตัวเองจะต้องกลับไปเล่นแบบเดิม เราคงต้องฝึกนะ
พักงานการแสดงการเกือบสิบกว่าปีการใช้ชีวิตที่ไม่ได้ทำงานเบื้องหน้าเลยเป็นอย่างไรบ้าง
ชีวิตเงียบๆ นะ สบายดี ถามว่าเราคิดถึงวงการไหม เราก็คิดถึงนะ พอเรากลับมาทำงานในวงการอีกครั้ง เรารู้สึกว่าตัวเองแก่ไปเลยอ่ะ (ยิ้ม) แบบว่ามีแต่เด็ก รุ่นใหม่ทั้งนั้นเลย สำหรับเรานะเวลาไปไหนมาไหน แล้วคงยังจำได้ จริงๆ มันจะมีช่วงที่จำได้และไม่ได้นะ และหรือว่าคนนี้ใช่ไหมด้วยนะ (ยิ้ม) เราเฉยๆ เราเข้าใจนะ เนื่องจากว่าเราเองก็ไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ผอมสวย ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ใครจำเราได้ถือว่าเราโชคดีนะ
ถามไถ่กันในเรื่องสุขภาพตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
สำหรับเรื่องที่ป่วยเป็นโรครูมาตอยด์คือมันเป็นโรคที่รักษาไม่หายต้องทานยาตลอด เพื่อคุ้มโรคไม่ให้เป็นมาก เราเป็นมาตั้งแต่อายุ 25 ปี สำหรับการดูแลรักษาหลักๆ ของโรคนี้คือห้ามเครียดนะ ซึ่งการใช้ชีวิตปกติประจำวันมันไม่มีทางอยู่แล้ว มันเป็นโรคเวรโรคกรรมนะ เรามองว่าอย่างนั้น เราก็ทานยาตามหมอสั่ง ทำบุญเพื่อให้ตัวเองสบายใจ เราจะบอกว่าจากที่ตอนเราดูดีแล้วมาอ้วนมีคนมาทัก เราว่าอ้วน เราไม่โกรธไม่เกลียดเลยนะ และอีกอย่างตอนนี้่มันเป็นเรื่องของวัยด้วยที่ทุกอย่างเป็นไปตามวัย ซึ่งปัจจุบันตัวเรา ออกกำลังกายนะ เพียงแค่ว่าเราไม่สบาย ยาที่เรากินมันก็มีเอฟเฟกต์ทำให้เราอ้วน แต่ถ้าเราไม่กินยา ป่านนี้เราก็คงผอมไปแล้วล่ะ ยาที่กินคือสเตียรอยด์ มันจะมีการบวมน้ำ อยากอาหาร เราออกกำลังพวกคาร์ดิโอทุกวันเพื่อที่จะไปต่อ สามารถกินต่อไปได้(หัวเราะ) เอาจริงๆ หมอบอกว่าห้ามเครียด เราก็มาถามกับตัวเองว่า เราเครียดเรื่องอะไร แต่ก็คิดได้ว่า เราจะเครียดหากเราไม่ได้กิน เราจะเครียดอย่างที่บอกว่าควบคุมอยู่นะ ได้เท่าไหน เราก็เท่านั้น อีกอย่างหนึ่งนะตั้งแต่เรากลับมาทำงาน ทางผู้จัดเองเหมือนว่าเข้าใจเราด้วยนะว่าเราได้ประมาณไหน จะมาเล่นบทจิกบทตีมันก็ไม่ใช่นะ เราไม่ไหว
มาพูดถึงลูกชายทั้งสองคนบ้าง มีวางแผนให้ลูกชายมาทำงานในวงการบ้างไหม
เราเคยให้คนโตลองเล่นละครแล้ว ของคุณหน่อย(บุษกร วงศ์พัวพันธ์)ลองแล้ว ถามเขาแล้ว เหมือนเขาไม่ชอบนะ สำหรับคนเล็กเรายังไม่กล้าให้เขาลองอะไรนะ ถึงเขาจะ 11 ขวบ เขาก็ยังดูเด็กๆ ยังไม่น่าจะทำได้