นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้านเพื่อเข้าเจรจาผ่อนปรนมาตรการภาษีตอบโต้จากสหรัฐ ซึ่งคณะผู้เจรจาเตรียมเดินทางไปสหรัฐ ครบองค์ประชุม ประกอบด้วย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และกระทรวงการต่างประเทศ เป็นต้น โดยเบื้องต้นมีกำหนดวันเข้าพบตัวแทนสหรัฐภายในสัปดาห์หน้าหลังวันอีสเตอร์ (20 เม.ย.นี้)
ก่อนการเดินทางเยือนสหรัฐต้องหารือแต่ละภาคส่วนให้ชัดเจน ซึ่งระหว่างนี้จะหารือหน่วยงานในประเทศ เพื่อลดและปรับแก้อุปสรรคทางการค้ากับสหรัฐที่ไม่ใช่ภาษี (non-tariff) ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่เตรียมไปเจรจาหารือกับสหรัฐ
“การหารือกับสหรัฐครั้งแรกคงยังไม่คุยกันเรื่องข้อเสนอจากประธานที่ปรึกษาอาเซียน เพราะในส่วนนั้นเป็นข้อเสนอการรวมกลุ่มของอาเซียนในการเจรจา ซึ่งปัญหาแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ขณะที่การหารือของทีมไทยแลนด์จะเป็นข้อเสนอจากไทยที่ต้องไปคุยกับสหรัฐเพราะปัญหาแต่ละประเทศไม่เท่ากัน”
แนวทางที่ไทยเจรจาสหรัฐเป็นไปในทิศทางการทำงานร่วมกัน เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์และได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งที่ผ่านมาไทยทบทวนแนวทางการสร้างสมดุลการค้าระหว่างกัน จากที่ไทยเกินดุลการค้าสหรัฐ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 72%
นอกจากนี้ นายพิชัย ได้หารือด้านพลังงานโดยมีผู้บริหารจากทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ กรมสรรพสามิต บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือประเด็นการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และก๊าซอีเทน เพื่อทำสัญญาระยะยาว
ขณะที่ภาคพลังงานโดย ปตท.ในฐานะผู้จัดหาพลังงานงานได้ทำสัญญาซื้อก๊าซ LNG จากเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส สหรัฐ ซึ่งเริ่มจัดส่งปี 2569 ปริมาณ 1 ล้านตัน มูลค่าปีละ 500 ล้านดอลลาร์ รวมถึงมีสัญญาซื้อขายก๊าซอีเทน (Ethane) เพิ่ม 400,000 ตัน มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
ทั้งนี้ ไทยมีความต้องการใช้พลังงานแลต้องนำเข้าก๊าซ LNG ราว 10 ล้านตัน ซึ่งต้องจัดหาจากหลายแหล่งตามสัญญาระยะยาว เพื่อทยอยนำเข้า โดยภายใน 5 ปีข้างหน้า จะมีสัญญาที่จะหมดอายุ ซึ่ง ปตท.ต้องมีแผนจัดหาจากแหล่งทั่วโลก โดยคํานึงราคาที่แข่งขันได้จากตะวันออกกลางและอาเซียน รวมถึงเป็นไปได้ที่จะเจรจาสัญญาซื้อก๊าซ LNG จากสหรัฐ 1 ล้านตัน รวมทั้งระยะต่อไปไทยมีความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานทั้งท่าเรืออุตสาหกรรมและถังบรรจุก๊าซ LNG และ ปตท.มีแผนนำเข้ามาเพื่อขาย LNG ในภูมิภาค ซึ่งเป็นไปได้ที่ไทยจะนำเข้าจากสหรัฐเพิ่มได้อีก