svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ครม. ไฟเขียว ร่าง พ.ร.บ. Entertainment Complex ดึงลงทุนแสนล้าน

ครม. ผ่านร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจร นายกฯ ย้ำ “กาสิโน” ไม่เกิน 10% คาดดันเข้าสภาฯ ก่อนปิดสมัยประชุมนี้ มั่นใจดึงลงทุนแห่งละแสนล้าน

การประชุมคณะรัฐมนตรี วานนี้ (27 เม.ย.) ที่ประชุมเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ

โดยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า กฎหมายฉบับดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ สร้างการท่องเที่ยวแบบใหม่ ไม่ต้องรอการท่องเที่ยวตามฤดูกาลหรือ การท่องเที่ยวเดิมที่มีอยู่ หรือ Man made tourism โดยร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวได้ผ่านกระบวนการเปิดรับฟังความคิดเห็น โดยมีผู้ให้ความเห็นกว่า 80,000 ราย ซึ่ง 80% เห็นด้วย จากนั้นจะเสนอร่างดังกล่าวให้รัฐสภาพิจารณาต่อไป

นายกฯ กล่าวอีกว่า เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่เท่ากับกาสิโน เพราะมีกาสิโนอยู่ไม่เกิน 10% ขณะที่ 90% จะเป็นเรื่องอื่นๆ เช่นคอนเสิร์ตฮอลล์ขนาดใหญ่ ความจุ 50,000 คน อินดอร์ สเตเดียมขนาดใหญ่ สวนน้ำ โรงแรม ร้านอาหาร ที่จะสร้างรายได้กว่า 119,000 ถึง 238,000 ล้านบาท คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 5-10% ต่อปี ในส่วนนี้รัฐจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 12,000-39,000 ล้านบาทต่อปี และมีการจ้างงานในประเทศเพิ่มขึ้น เกิดอาชีพใหม่ และทำให้รัฐบาลจัดเก็บภาษี โดยมาจากธุรกิจอื่นๆ ประมาณ 8,000 ถึง 35,000 ล้านบาทต่อปี และภาษีเฉพาะกาสิโนขั้นต่ำ 3,264 ล้านบาทต่อปี ตรงนี้เป็นโอกาสของประเทศที่แท้จริง อย่าไปโฟกัสแค่เรื่องเดียวแต่ทั้งหมดจะสร้างโอกาสให้ประเทศ
 

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากนี้รัฐบาลจะเร่งเสนอร่างกฎหมายที่ผ่านการเห็นชอบจาก ครม. ไปยังสภาผู้แทนราษฎร เป็นเรื่องเร่งด่วน เพื่อบรรจุวาระ และพิจารณาในวาระที่ 1 ก่อนตั้งคณะกรรมาธิการต่อไป

ทั้งนี้ยอมรับว่า ที่ผ่านมา ร่าง พ.ร.บ. ได้มีการปรับปรุงรายละเอียดมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในขั้นตอนของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งแก้ไขเนื้อหาหลายส่วน ทั้งการกำกับ ควบคุม และการกำหนดโทษ โดยกฎหมายฉบับนี้ ถือว่ามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจประเทศ เพราะจะมีเงินลงทุนอย่างน้อย 1 แสนล้านบาทต่อจุด รวมไปถึงเงินได้จากภาษี ค่าธรรมเนียม เงินที่ประชาชนจะได้รับจากการจ้างงาน และกิจกรรมทางเศรษฐกิจด้านต่าง ๆ ทั้งโรงแรม การท่องเที่ยวด้วย

“สิ่งที่จะเกิดขึ้นเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ที่มีมูลค่ามหาศาลจากการมีสถานบันเทิงครบวงจร ที่สำคัญคือ ไม่ใช่แค่เรื่องการทำกาสิโน แต่จะเป็นการสร้างสถานบันเทิงครบวงจร ที่เป็น Man-made Tourist Destination เป็นโมเดลทางธุรกิจขนาดใหญ่ เหมือนดูไบ ญี่ปุ่น ซึ่งเรามองภาพประเทศไทยในอนาคตว่า จะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นระดับโลกมากขึ้น ทั้งร้านอาหาร สวนสนุกขนาดใหญ่ สนามกีฬาอินดอร์ขนาดใหญ่ โดยการลงทุนขนาดใหญ่ที่จะดึงเอกชนมาร่วมลงทุน สร้างรายได้ใหม่ ถือเป็นจุดเปลี่ยนของประเทศไทย” นายจุลพันธ์ ระบุ

ครม. ไฟเขียว ร่าง พ.ร.บ. Entertainment Complex ดึงลงทุนแสนล้าน

นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า หน้าที่ต่อไปจะเป็นของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา โดยต้องดูว่าจะมีการแก้ไขร่างกฎหมายฉบับนี้อย่างไร เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวต่อไปในอนาคต เบื้องต้นไทม์ไลน์ของการเสนอกฎหมายนั้น ขณะนี้เหลือเวลาอีก 2 สัปดาห์ คือวันที่ 2-3 เม.ย. และ 9-10 เม.ย.นี้ จะมีการประชุมสภาฯ รัฐบาลจึงได้เสนอรัฐสภาให้บรรจุเป็นเรื่องเร่งด่วน และจะเร่งผลักดันกฎหมายออกมาให้เร็วที่สุด

ทั้งนี้ได้คุยกับนางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ในฐานะวิป ครม. จะไปเจรจากับทางสภาฯว่า จะมีทางเลื่อนระเบียบวาระให้เร็วขึ้น เพื่อจะเข้าได้ทันสมัยประชุมนี้ จากนั้นจึงตั้งกรรมาธิการเพื่อพิจารณารายละเอียดในชั้นนี้ ก่อนจะเข้าวาระ 2-3 ต่อไป

โดยในรายละเอียดของร่างกฎหมายนั้น จากการเปิดรับฟังความคิดเห็นรอบล่าสุด ได้มีการนำเสนอความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายเข้ามาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะประเด็นการกำหนดให้บุคคลสัญชาติไทยซึ่งจะเล่นพนันในกาสิโน ต้องมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำ ไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาทต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งที่ผ่านมาเคยระบุว่าขัดกับวัตถุประสงค์ของการแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย หากไปกำหนดให้มีเงินในบัญชีเกิน 50 ล้านบาท จะมีคนไทยที่มีบัญชีเงินฝากเกิน 50 ล้านบาท แค่เพียง 1 หมื่นบัญชีเท่านั้น และที่เหลืออาจมีความเสี่ยงเล่นการพนันที่ผิดกฎหมาย ซึ่งกรณีนี้คงไปคุยกันในขั้นกรรมาธิการ

ส่วนการคัดเลือกเอกชนเข้ามาลงทุนนั้น หากกฎหมายผ่านสภาฯ จะมีการตั้งสำนักงานขึ้นมา โดยมีองค์ประกอบคณะกรรมการทั้งฝ่ายนโยบาย และฝ่ายบริหาร จากนั้นจะเริ่มต้นขั้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) โดยเฉพาะการกำหนดพื้นที่ที่จะตั้งสถานบันเทิงครบวงจรว่ามีกี่จุด และพื้นที่ใดที่มีศักยภาพ

ดังนั้นเมื่อศึกษาเสร็จสิ้น จึงเปิดประมูลเพื่อจัดหาเอกชนเข้ามาลงทุน โดยคณะกรรมการจะดูเรื่องของความเหมาะสมด้านต่าง ๆ ของการลงทุน รวมทั้งตรวจสอบประวัติของเอกชนว่าเป็นอย่างไร แล้วจึงออกใบอนุญาตต่อไป

สำหรับการประเมินผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการผลักดันสถานบันเทิงครบวงจรนั้น รมช.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลได้ประเมินตัวเลขเงินลงทุนเทียบเคียงกับสิงคโปร์ เมื่อ 20 ปีก่อน มีเงินลงทุนใน 1 พื้นที่ มีเงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานกว่า 7,000 ล้านดอลลาร์ หรือว่า 2 แสนล้านบาท โดยในปีที่แล้ว สิงคโปร์ได้อนุมัติให้ต่ออายุสัญญา และกำหนดให้ลงทุนเพิ่มอีก 8,000 ล้านดอลลาร์ หรือว่า 2.8 แสนล้านบาท

ดังนั้นในส่วนของประเทศไทยนั้น เชื่อมั่นว่า เงินลงทุน 1 แสนล้านบาทในประเทศไทยจึงเกิดขึ้นได้ รวมไปถึงเงินจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ อีก ทั้งการจ้างงาน ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และการท่องเที่ยว

เบื้องต้นในด้านการท่องเที่ยว เมื่อคำนวณตัวเลขจากโมเดลทางด้านเศรษฐกิจ พบว่า การมีสถานบันเทิงครบวงจรจะเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติได้อีก 40% หรือจากเดิมที่มีการใช้จ่ายเฉลี่ย 40,000 บาทต่อคนต่อทริป เพิ่มเป็น 60,000 บาทต่อคนต่อทริปด้วย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวอ้างอิงโมเดลจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสิงคโปร์

    News Hub