28 มีนาคม 2568 ราคาทองวันนี้ ตามประกาศจาก สมาคมค้าทองคำ เมื่อเวลา 09.01 น. ราคาทองแท่ง ราคาทองรูปพรรณ ราคาทองคำวันนี้ ราคาเพิ่มขึ้น 600 บาท ต่อบาททองคำ โดยค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 33.89 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ประกาศราคาทองคำ ครั้งที่ 1
ราคาทองคำแท่ง
ราคาทองรูปพรรณ
เมื่อเวลา 10.59 น. ปรับราคาทองคำขึ้น 50 บาท ต่อบาททองคำ ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 33.94 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ราคาขายทองคำ ดังนี้
ราคาทองคำแท่ง
ราคาทองรูปพรรณ
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 1.2% ในวันพฤหัสบดี (27 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าทั่วโลกที่ทวีความรุนแรงและตลาดหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 38.50 ดอลลาร์ หรือ 1.27% ปิดที่ 3,061.00 ดอลลาร์/ออนซ์
เมื่อวันพุธที่ 26 มี.ค. สหรัฐฯ เตรียมปรับเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็กในอัตรา 25% จากเดิมที่ระดับ 2.5% โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เม.ย. ส่วนการเรียกเก็บภาษีชิ้นส่วนรถยนต์จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 เม.ย.
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ เตรียมใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ในวันที่ 2 เม.ย. โดยรัฐบาลสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีดังกล่าวต่อกลุ่มประเทศ "Dirty 15" หรือ 15 ประเทศที่มียอดเกินดุลการค้าสูงสุดกับสหรัฐฯ
ขณะที่ รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงแคนาดาและฝรั่งเศส ได้ประกาศว่าจะใช้มาตรการตอบโต้หลังจากถูก ปธน.ทรัมป์ เรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตรา 25% ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนัก ทำให้นักลงทุนแห่ซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ราคาทองคำพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 3,071.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ในระหว่างวัน
โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำขึ้นสู่ระดับ 3,300 ดอลลาร์/ออนซ์ภายในสิ้นปี 2568 จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 3,100 ดอลลาร์ โดยระบุว่าความต้องการทองคำของธนาคารกลางในประเทศต่าง ๆ มีความแข็งแกร่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)