นายใบน้อย สุวรรณชาตรี อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การลดต้นทุนเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ การส่งเสริมผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยในปี 2566 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม ได้ให้ความสำคัญการลดต้นทุนในภาคอุตสาหกรรมแก่ผู้ประกอบการผ่านนโยบาย “ดีพร้อมโต” โตได้ โตไว โตไกล โตให้ยั่งยืน
ทั้งการส่งเสริมองค์ความรู้ แก่บุคลากรในภาคอุตสาหกรรม และ การให้คำปรึกษาเชิงลึกในสถานประกอบการผ่านโครงการเสริมสร้างความสามารถการดำเนินธุรกิจให้กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมด้วยการบริหารจัดการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน ซึ่งมีสถานประกอบการประสบความสำเร็จในการลดต้นทุน จำนวน 310 กิจการ คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 1,800 ล้านบาท
การดำเนินการดังกล่าว มุ่งเน้นการพัฒนา ทักษะการบริหารคลังสินค้า อย่างครบวงจรสำหรับผู้ประกอบการ มุ่งหวังให้เกิดการลดต้นทุนทางด้านโลจิสติกส์ภายในองค์กร ประกอบด้วย ต้นทุนการถือครองสินค้า (Inventory Carrying Cost) ต้นทุนการบริหารคลังสินค้า (Warehousing Costs) ต้นทุนบริหารจัดการโลจิสติกส์ (Administration Cost) และต้นทุนการขนส่งสินค้า (Transportation Costs)
โดยการผนวกการใช้วิทยาการ สมัยใหม่เข้ามามีบทบาทในการดำเนินงาน อาทิ การควบคุมสินค้าคงคลังด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศเชื่อมโยงข้อมูลภายในองค์กร การพัฒนาการส่งมอบสินค้าให้ทันต่อความต้องการของลูกค้า การจัดการคลังสินค้าเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้า ทั้งนี้ แม้ว่าการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาจะเกิดเป็นรูปธรรมที่ทำให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินกิจการได้อย่างเต็มศักยภาพ
ทว่าภาพรวมเศรษฐกิจในปัจจุบันยังมีความผันผวน และ จำเป็นต้องเร่งการดำเนินงาน เพื่อขยายผลไปยังผู้ประกอบการทั่วทุกภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น ดีพร้อม ได้ตั้งเป้าหมายที่จะดำเนินการการลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ในภาพรวมให้กับสถานประกอบการ จำนวน 2,500 กิจการ ภายในปี 2570
และคาดว่าจะสามารถลดต้นทุนโลจิสติกส์ คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 11,250 ล้านบาทต่อปี หรือ 0.51% ของต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีต้นทุนการดำเนินธุรกิจลดลงสามารถนำต้นทุนด้านโลจิสติกส์ที่ลดได้ไปหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน