svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Business

กยท.มั่นใจ ปีนี้แนวโน้มราคายางปรับตัวสูงขึ้น จากหลายปัจจัยหนุน

กยท.มั่นใจ ปีนี้แนวโน้มราคายางปรับตัวสูงขึ้น จากปัจจัยหนุนภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่มียอดการผลิตและจำหน่ายเพิ่มขึ้น และผลผลิตที่ลดลง จากโรคระบาด ปรากฏการณ์ "เอลนีโญ" ส่งผลให้ฝนตกน้อย อากาศร้อน หลายพื้นที่ผลิต ไม่สามารถกรีดยางได้

23 พฤษภาคม 2566 นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวถึงสถานการณ์ยางในไตรมาส 2/2566 ว่า ราคายังคงเคลื่อนไหวในช่วงแคบ ๆ แต่มีแนวโน้มที่จะ ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งใช้ยางเป็นวัตถุดิบมากที่สุด 
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.)

โดยยอดขายรถยนต์ (Light Vehicle) ทั่วโลกในเดือน มี.ค. 66 สูงกว่าเดือน มี.ค. 65 ถึงร้อยละ 11.6 เนื่องจากการผ่อนคลาย ของห่วงโซ่การผลิต และการเร่งซื้อรถในจีนก่อน สิ้นสุดระยะโครงการช่วยเหลือด้านภาษี ขณะเดียวกัน ยอดการประกอบรถยนต์ของโลก ในช่วงที่ผ่านมา ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงร้อยละ 7.1  อีกด้วย โดยอินเดียเพิ่มสูงสุดร้อยละ 23.1 , ประเทศเยอรมนีเพิ่มร้อยละ 10.8  , สหรัฐอเมริกาเพิ่มร้อยละ 9.7  ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อราคายาง
กยท.มั่นใจ ปีนี้แนวโน้มราคายางปรับตัวสูงขึ้น จากหลายปัจจัยหนุน

นายณกรณ์ กล่าวว่า สำหรับความต้องการยางธรรมชาติในปี 66 สมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ ( ANRPC) ได้คาดการณ์ล่าสุดว่า ทั่วโลกมีความต้องการประมาณ 14.912 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิม 173,000 ตัน

นอกจากนี้  LMC Rubber Bulletin ฉบับเดือน เม.ย. 66 ยังคาดการณ์ว่า ความต้องการใช้ยางจะค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้น แต่การผลิตทั่วโลกยังเติบโตน้อย เช่นเดียวกับ สมาคมผู้ผลิตยางรถยนต์ แห่งสหรัฐอเมริกา (USTMA) ได้คาดการณ์ยอดจัดส่งยางรถยนต์ของสหรัฐ จะเพิ่มขึ้นในปี 66 ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลดีต่อราคายางในอนาคต
กยท.มั่นใจ ปีนี้แนวโน้มราคายางปรับตัวสูงขึ้น จากหลายปัจจัยหนุน  

นายณกรณ์ กล่าวว่า ส่วนผลผลิตยางพาราโลกในปี 65 อยู่ที่ 14.53 ล้านตัน และในไตรมาสแรกของปี 66 ผลผลิตยางพาราโลกอยู่ที่ 3.312 ล้านตัน ส่วนคาดการณ์ผลผลิตทั้งปี มีแนวโน้มลดลงกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องการระบาดของโรคใบร่วง โดยเฉพาะประเทศอินโดเนียเซีย มีสวนยางได้ผลกระทบ จากการระบาด ของโรคดังกล่าวกว่า 2 ล้านไร่

รวมทั้งประเทศไทย และมาเลเซีย ก็ได้รับผลกระทบ จากการระบาดของ "โรคใบร่วง" เช่นกัน ขณะที่ประเทศจีน มณฑลยูนาน ที่มีการปลูกยาง ก็ได้รับผลกระทบจาก "โรคราแป้ง" นอกจากนี้ "ปรากฏการณ์เอลนีโญ" ที่จะเกิดในปีนี้ จะส่งผลให้ปริมาณฝนน้อยกว่าทุกปี อากาศแล้งและร้อน จะทำให้หลายพื้นที่ ไม่สามารถเปิดกรีดยางได้ ผลผลิตก็จะออกสู่ตลาดน้อยลงอย่างแน่นอน
 

“หากพิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐาน ที่เกื้อหนุนดังกล่าวแล้ว แนวโน้มราคายางตั้งแต่กลางปีนี้ เป็นต้นไปน่าจะค่อย ๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนสาเหตุสำคัญราคายางในปัจจุบัน ราคายังคงทรงตัว โดยยางแผ่นรมควัน ชั้น 3 ราคาอยู่ในระดับ 50 บาทต่อกิโลกรัม และยางแผ่นดิบ ราคา 48 บาทต่อกิโลกรัม และน้ำยางสดราคา 43 บาทต่อกิโลกรัมนั้น

ส่วนหนึ่งมาจากสต๊อกยางเก่า ของประเทศผู้นำเข้าต่าง ๆ ยังคงไม่มีอยู่ ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตามจากการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ ยอดขายรถยนต์ และการผลิตล้อยาง ทำให้ความต้องการใช้ยางยางโลกที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ผลผลิตยางทั่วโลก ยังคงเติบโตน้อย และมีปริมาณลดลง จะส่งผลดีต่อยางในระยะยาว ราคาน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน” ผู้ว่าการ กยท. กล่าวยืนยัน
กยท.มั่นใจ ปีนี้แนวโน้มราคายางปรับตัวสูงขึ้น จากหลายปัจจัยหนุน  

ด้าน น.ส.อธิวีณ์ แดงกนิษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจยาง กยท. กล่าวว่า  สถานการณ์ยางในไตรมาสแรก ของปี 66 ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ผลผลิตยางโลกอยู่ที่ 3.312 ล้านตัน น้อยกว่าความต้องใช้ยางพาราโลก ซึ่งสูงถึง 3.73 ล้านตัน ดังนั้นโลกยังคงมีความต้องการใช้ยางที่เพิ่มขึ้น 

นอกจากนี้ยังพบว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่มีอัตราการใช้ยาง เติบโตสูงสุด เนื่องจากการลงทุน มีการลงทุนด้านอุตสาหกรรมยางต่างประเทศเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับการส่งออก คาดว่าปีนี้ ไทยจะส่งออกยางอยู่ที่ 4.275 ล้านตัน โดยเดือน ม.ค. และ ก.พ. ที่ผ่านมา ไทยส่งออกยางเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้นำเข้ายางจากไทยสูงสุด ยังคงเป็นจีน คิดเป็น 55% ตามด้วยมาเลเซีย 13% และสหรัฐอเมริกา 4%
กยท.มั่นใจ ปีนี้แนวโน้มราคายางปรับตัวสูงขึ้น จากหลายปัจจัยหนุน