น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่คณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติ หลักการร่างกฎกระทรวง กำหนดลักษณะและระบบความปลอดภัยของอาคาร ที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ..... เพื่อสนับสนุน ให้ผู้ประกอบการ และ ผู้ให้บริการสถานที่พักโดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ในเมืองรองสามารถนำอาคารที่ มีรูปแบบพิเศษอื่นมาประกอบธุรกิจโรงแรมได้ เพื่อส่งเสริมการแข่งกันในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งคณะกรรมการควบคุมอาคาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เห็นชอบแล้วในหลักการ
เนื่องจากปัจจุบัน มีการนำอาคารตามประเภทอื่น มาให้บริการที่พัก เช่น การสร้างบังกะโลชั้นเดียวแบ่งเป็นห้อง ตู้คอนเทนเนอร์ แพที่อยู่ตามเขื่อนต่างๆ บ้านต้นไม้ เต็นท์แบบเป่าลม เป็นต้น ซึ่งลักษณะและโครงสร้างของอาคารไม่สอดคล้องกับอาคาร ที่จะนำมาขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมตามที่กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารกำหนดได้
ดังนั้น กระทรวงมหาดไทยจึงได้เสนอ เพื่อให้อาคารที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรมดังกล่าว สามารถประกอบธุรกิจโรงแรมได้ ทั้งนี้ การขออนุญาตประกอบกิจการโรงแรมต้องเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ด้วย เช่น เรื่องของที่ตั้งต้องเป็นไปตามกฎหมาย ไม่บุกรุกที่ป่า เป็นต้น
โดยร่างกฎกระทรวงฯนี้ ได้กำหนดมาตรการ เกี่ยวกับลักษณะของโรงแรม และ ระบบความปลอดภัย สำหรับอาคารที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม ให้มีความเหมาะสม ต่อประเภทและขนาดของโรงแรม เพื่อใช้บังคับเป็นการทั่วไป สำหรับอาคารที่สร้างใหม่ และ อาคารประเภทอื่น ที่จะนำมาใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม โดยมีการกำหนดนิยาม “อาคารลักษณะพิเศษ” ให้มีความชัดเจนว่า สิ่งที่สร้างขึ้นอย่างอื่น ที่บุคคลอาจเข้าอยู่หรือเข้าใช้สอยได้
เพื่อใช้เป็นโรงแรมที่มีลักษณะ แบบ รูปทรง สัดส่วน ขนาด หรือ เนื้อที่ แตกต่างจากสภาพอาคารทั่วไป เช่น แพหรือสิ่งใดๆ ที่นำมาใช้ประกอบ หรือ สร้างให้เป็นรูปร่างลอยอยู่ในน้ำได้ เต็นท์ โครงสร้างแบบอัดอากาศ (bubble) ตู้คอนเทนเนอร์ เป็นต้น
พร้อมกันนี้ ยังได้กำหนดให้เจ้าของ หรือ ผู้ครอบครองอาคาร ที่จะใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม ต้องดำเนินการตามที่กำหนดในส่วนที่เกี่ยวกับโครงสร้างของโรงแรม ระบบป้องกัน และระงับอัคคีภัย ระบบทางหนีไฟ ลักษณะภายในและภายนอกของอาคาร และการนำอาคารลักษณะพิเศษ มาใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม เพื่อให้มีมาตรฐานของอาคาร และ ความปลอดภัยสำหรับอาคารลักษณะพิเศษถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารและกฎหมายว่าด้วยโรงแรม
“ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวดีสำหรับผู้ประกอบการ และ ผู้ให้บริการสถานที่พักโดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เปิดกว้างให้เกิดแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นสำคัญ ตามนโยบายของรัฐบาล มีความเข้าใจลักษณะ การท่องเที่ยว ที่เปลี่ยนแปลงไป จึงมีการปรับปรุงกฎหมายให้ สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของนักท้องเที่ยวด้วย พร้อมเร่งขับเคลื่อนมาตรกระตุ้นการท่องเที่ยว ควบคู่ไปกับมาตรการดูแลความปลอดภัยพี่น้องประชาชน เกิดการจ้างงาน กระจายรายได้ในชุมชนเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพี่น้องประชาชน” น.ส.ทิพานัน กล่าว