svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"เมียวดี" ใกล้วิกฤต มาตรการตัดไฟ น้ำมันดีเซลลิตรละ 63 บาท เบนซินลิตรละ 53 บาท

ยาแรงตัดไฟสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เริ่มออกฤทธิ์ "เมียวดี” ใกล้วิกฤต น้ำมันดีเซลลิตรละ 63 บาท เบนซินลิตรละ 53 บาท

9 กุมภาพันธ์ 2568  หลังการระงับการจ่ายไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต และระงับการส่งออกน้ำมัน จากฝั่งไทยไปเมียนมา เป็นวันที่ 5  มีรายงานว่า ที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 (เปิดบริการ 06.00 น.- 18.00 น.) สามารถเดินทางเข้า-ออก ด่านพรหมแดน ได้ตามปกติ 

\"เมียวดี\" ใกล้วิกฤต มาตรการตัดไฟ น้ำมันดีเซลลิตรละ 63 บาท เบนซินลิตรละ 53 บาท

ส่วนที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 (เปิดบริการ 06.30 น.- 18.30 น.) สามารถนำเข้า-ส่งออก สินค้าได้ตามปกติ 

ขณะที่บริเวณท่าข้ามสินค้า (ช่องท่าอื่นอก ช่องทางอนุมัติ) ในพื้นที่ อ.แม่สอด ก็สามารถส่งสินค้าได้ตามปกติ
 

สำหรับการส่งออกน้ำมัน บริเวณสะพานมิตรภาพ ไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 และ ท่าข้ามสินค้า ได้ระงับการส่งออกรถบรรทุกน้ำมันคงค้าง จำนวน 41 คัน บริเวณจุดตรวจร่วมตราชั่ง ท่าข้ามสินค้าหมายเลข 10

\"เมียวดี\" ใกล้วิกฤต มาตรการตัดไฟ น้ำมันดีเซลลิตรละ 63 บาท เบนซินลิตรละ 53 บาท

\"เมียวดี\" ใกล้วิกฤต มาตรการตัดไฟ น้ำมันดีเซลลิตรละ 63 บาท เบนซินลิตรละ 53 บาท

ส่วนสถานีบริการน้ำมัน ที่ตัวเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา สถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ในตัวเมือง เปิดให้บริการ แต่จำกัดการเติม และสถานีขนาดเล็กปิดบริการชั่วคราว เนื่องจากคาดแคลนน้ำมัน ทำให้ราคาน้ำมันปัจจุบัน ฝั่ง จ.เมียวดี (ปรับราคา วันที่ 9 ก.พ. 68 เวลา 07.00 น.) ดีเซล 3,960 จ๊าด/ลิตร (63.66 บาท) ส่วนน้ำมันเบนซิน95 3,620 จ๊าด/ลิตร (58.19 บาท) 

นอกจากนี้ ใน จ.เมียวดี ได้ดำเนินการติดป้ายประชาสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการฉ้อโกงออนไลน์และการค้ามนุษย์ ในบริเวณตัวเมืองและริมแม่น้ำเมย 

\"เมียวดี\" ใกล้วิกฤต มาตรการตัดไฟ น้ำมันดีเซลลิตรละ 63 บาท เบนซินลิตรละ 53 บาท

 

\"เมียวดี\" ใกล้วิกฤต มาตรการตัดไฟ น้ำมันดีเซลลิตรละ 63 บาท เบนซินลิตรละ 53 บาท \"เมียวดี\" ใกล้วิกฤต มาตรการตัดไฟ น้ำมันดีเซลลิตรละ 63 บาท เบนซินลิตรละ 53 บาท

มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ 10 ก.พ. ทางผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้เรียกประชุมพลังงานจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการในเรื่องของพลังงานน้ำมัน อาจจะไม่ให้ผู้ที่มาเติมใส่แกลลอนน้ำมันกลับออกไปยังฝั่งเมียนมา

มั่นใจ ”คนพญาตองซู” เตรียมย้ายถิ่นหนีแก๊งคอลฯ 


ที่กรมศุลกากร ด่านพรมแดนบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี พลโท อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 และ นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานร่วม การประชุมขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด และการกระทำผิดกฎหมายตามแนวชายแดน การป้องกันและแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

"นายอธิสรรค์" กล่าวว่า จังหวัดกาญจนบุรี มีประชากรกว่า 900,000 คน มีพื้นที่ทั้งหมด 12.1 ล้านไร่  19,483 ตร.กม.  แบ่งออกเป็น 13 อำเภอ 98 ตำบล 959 หมู่บ้าน การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น 122 แห่ง  ฃแบ่งเป็น อบต. 72 แห่ง เทศบาล 46 แห่ง เทศบาลเมือง 3 แห่ง และองค์กรบริหารส่วนจังหวัด

การประชุมครั้งนี้ เป็นการประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพื่อพัฒนาในเรื่องการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในทุกมิติ การพัฒนาเมืองให้น่าอยู่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาระบบเกษตรอย่างครบวงจร การพัฒนาการท่องเที่ยว อัตลักษณ์คุณค่าสูงและ เติบโตอย่างยั่งยืน และการพัฒนาการค้า การลงทุน อุตสาหกรรม และประตูทวาย ทั้งนี้ เพื่อมุ่งหวังให้ประชาชนในพื้นที่ มีอาชีพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากนั้น คณะได้ลงพื้นที่ด่านพรมแดนบ้านพุน้ำร้อน

"นายอธิสรรค์" กล่าวถึงการเตรียมเปิดด่าน ว่า ในเบื้องต้นต้องขอมติจากศูนย์สั่งการชายแดน ในการประชุมเพื่อรวบรวมข้อมูลว่าจังหวัดกาญจนบุรี มีความพร้อมหรือไม่ ซึ่งมติที่ประชุมตอนนี้ให้เปิดด่านเพื่อการค้าขายเล็กน้อยระหว่างประชาชน 2  ฝั่งเป็นประจำทุกวันได้แล้ว แต่ในส่วนสินค้าอุตสาหกรรมต่างๆ ในฝั่งเมียนมา ทราบว่าอยู่ระหว่างการปรับปรุงทางคมนาคม คาดว่าไม่นานเส้นทางก็พอจะใช้ได้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการประสานงานกันของเมียนมา ในการส่งเจ้าหน้าที่ ตม. และ ศุลกากร ของเมียนมา  มาประจำที่ด่านพุน้ำร้อนนี้ สำหรับฝั่งไทยนั้น ทุกหน่วยงานรายงานเข้ามาว่า มีความพร้อมที่จะเปิดเส้นทางตลอดเวลา

เมื่อถามว่า หลังจากเปิดเส้นทางแล้ว ระบบเศรษฐกิจในจังหวัดมีความกระเตื้องขึ้นหรือไม่ นายอธิสรรค์ กล่าวว่า โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจพิเศษ มีชีวิตชีวาขึ้นแน่นอน เพราะเราได้เปรียบคือมีทางหลวงพิเศษหมายเลข 81 ที่กำลังจะเปิด สามารถเชื่อมไปถึงท่าเทียบเรือน้ำลึก จ.ระยอง ได้ รวมทั้งเส้นทางฝั่งตะวันตก ก็จะทะลุไปถึงท่าเทียบเรือน้ำลึกทวาย ประเทศเมียนมา ได้เช่นกัน อีกทั้งกาญจนบุรี จะเป็นจุดที่พักสินค้าได้ และจะทำให้ค่าจีดีพีของจังหวัดเติบโตแน่นอน 

เมื่อถามอีกว่า สินค้าที่ฝั่งเมียนมาส่งมาประเทศไทย เรามีความต้องการมากน้อยแค่ไหน นายอธิสรรค์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่เป็นอาหารทะเล ซึ่งเดินทางใกล้มาก เพราะแค่จากทวาย เข้าสู่พื้นที่ชั้นในไป กทม. จะทำให้อาหารทะเลมีคุณภาพและสดอยู่ พร้อมยอมรับว่าทรัพยากรทางทะเลของเมียนมานั้น ยังสมบูรณ์มาก 

เมื่อถามอีกว่า การเปิดศูนย์กลางแรงงาน (Labor Hub) หลังจากเปิดเป็นเขตเศรษฐกิจแล้วเสร็จ จะสามารถทำอะไรได้บ้าง นายอธิสรรค์ กล่าวว่า จะเป็นในรูปแบบราชการร่วมกับเอกชน ในการกำหนดกรอบลงทะเบียนแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาถูกต้องตามกฎหมาย โดยเราจะมีศูนย์กระจายแรงงานไปตามบริษัทเอกชนต่างๆ ทำให้เรารู้ความต้องการรวม และรู้จำนวนแรงงานที่ประเทศไทยต้องการ รวมถึงการลงทะเบียนที่รัดกุม โดยเชื่อว่าจะเพิ่มความปลอดภัยให้ดับประชาชนคนไทย รวมทั้งจะคำนวณปริมาณความเหมาะสมของจำนวนแรงงานที่ประเทศไทยจำเป็นต้องใช้ 

เมื่อถามว่า จะตัดปัญหาแรงงานเถื่อนที่ลักลอบเข้ามาในประทศได้หรือไม่ "นายอธิสรรค์" กล่าวว่า ตัดได้แน่นอน และเป็นการรับประกันว่า ถ้าเข้ามาในประเทศไทยจะมีงานทำแน่นอน ไม่ใช่หางานแบบสะเปะสะปะ เพราะถ้าเขาตกงาน  อาจะเป็นอาชญากรได้ 

ทั้งนี้ ใน Labor Hub จะมีการฝึกอบรมแน่นอน อาจจะเป็นการอบรมระยะสั้น ว่าเขาควรจะได้ไปใช้แรงงานในประเภทใด 

เมื่อถามต่อว่า ได้มีการหารือกับรมว.แรงงาน แล้วหรือไม่ นายอธิสรรค์ กล่าวว่า เราจะเสนอไปที่กระทรวงแรงงาน เบื้องต้นเคยเสนอไปที่รัฐบาลชุดที่แล้ว ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงร่างกรอบหลักเกณฑ์ต่างๆ 

เมื่อถามต่อว่า แรงงานที่จะมาทำงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษ จะให้ทำงานแบบไป-กลับ ใช่หรือไม่ "นายอธิสรรค์" กล่าวว่า ไป-กลับ ก็ได้ หรือกระจายไปตามบริษัทเอกชนต่างๆ ก็ได้ แต่ต้องแยกประเภทก่อน ว่าจะทำงานแบบยาวหรือทำงานแบบสั้น อีกทั้งใน Labor Hub จะมีการสอนทักษะแรงงานด้วย เพื่อกระจายไปภูมิภาคต่างๆ ได้ 

เมื่อถามว่า การสู้รบในเมียนมาส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษฝั่งไทยหรือไม่ "นายอธิสรรค์" ยอมรับว่า มีส่วน เพราะเส้นทางจากทวาย ประเทศเมียนมา มีกลุ่มชาติพันธุ์อยู่ตามจุดต่างๆ  เมื่อมีการสู้รบ ก็ทำให้บริษัทเอกชน ไม่กล้าที่จะขนส่งสินค้า อีกทั้งเส้นทางคมนาคม และสะพานชำรุด เดินทางลำบาก  เพราะไม่มีใครไปซ่อมแซม 

ส่วนวานนี้มีรายงานว่า ทางพญาตองซู มีประชาชนของเขา พยายามขับไล่เเก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งตัวเองนั้น นายอธิสรรค์ ระบุว่า เมื่อวานนี้ก็ได้รับรายงานจาก นายอำเภอสังขละบุรี เบื้องต้นยังไม่ทราบข้อมูลอะไร แต่คาดว่าน่าจะเป็นเพียงการประท้วงเท่านั้น 

เมื่อถามย้ำว่า จะส่งผลกระทบต่อ ประเทศไทยหรือไม่ หากคนในพญาตองซู ต้องหลบหนีหาพื้นที่อื่นอาศัยอยู่ นายอธิสรรค์ บอกว่า จากข้อมูลทราบว่าคนในพญาตองซู จะขยับเข้าไปในพื้นที่อีกประมาณ 20 กิโลเมตร ไม่ได้ข้ามมาฝั่งไทย และตนไม่ได้กังวล เพราะพญาตองซูไม่ได้เป็นพื้นที่ที่ใหญ่อะไร มีกลุ่มจีนเทาในพื้นที่ไม่เยอะมาก จึงมองว่าไม่น่าจะกระทบกับประเทศไทย
////