svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สัญญาณบวกคลี่คลายมหากาพย์”วัดบางคลาน“ | สืบสวนความจริง | 04 พ.ย. 66 | PART 3

สัญญาณบวกคลี่คลายมหากาพย์”วัดบางคลาน“ | สืบสวนความจริง | 04 พ.ย. 66 | PART 3

สัญญาณบวกคลี่คลายมหากาพย์”วัดบางคลาน“

 

มหากาพย์ของ วัดบางคลาน หรือ วัดหลวงพ่อเงิน ที่ยืดเยื้อมานานหลายปี และกลายเป็นปัญหา ที่ลุกลามตั้งแต่สงฆ์ ถึงฆราวาส แต่หลังจากที่ ผู้บังคับการกองปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว ได้ลงพื้นที่เพื่อแก้ไขความขัดแย้ง ก็ทำให้หลายฝ่ายบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เริ่มเห็นสัญญาณบวกของการแก้ไขปัญหาที่วัดบางคลานแห่งนี้

 

หนึ่งในสัญญาณบวกคือ ภาพของการเผชิญหน้าของคู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่าย เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ที่วัดบางคลานก็ได้มีการเรียกประชุมชาวบ้าน เพื่อเข้ามาร่วมเป็นสักขีพยาน ระหว่าง พ.ต.ท.ประพาส อินถา เจ้าพนักงานสอบสวน สภ.โพทะเล จ.พิจิตร ในการรับมอบเอกสาร การถอนฟ้องชาวบ้าน จาก นายพร ปั้นเพ็ง รักษาการไวยาวัจกร วัดบางคลาน ทั้งหมด 5 คดี กรณีชาวบ้านถูกแจ้งข้อหาบุกรุกวัด โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่ทั้ง 2 ฝ่ายยอมถอยกันคนละก้าว  และหลังจากที่ นายพร ได้ส่งมอบเอกสาร ก็ได้เดินทางออกจากวัดไปทันที ก่อนที่ทางเจ้าพนักงานสอบสวน ได้ชี้แจงข้อกฎหมายที่ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ จะส่งผลดีต่อชาวบ้าน และจะทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้น ได้รับการยุติเร็วขึ้น

 

และหากมาดูบรรยากาศใน วัดบางคลาน หรือ วัดหลวงพ่อเงิน จะเห็นได้ว่า บรรยากาศภายในวัดดีขึ้น มีนักท่องเที่ยวเข้ามานมัสการหลวงพ่อเงิน ทำบุญ และเดินชมความสวยงามของวัดกันตามปกติ ซึ่งทุกฝ่ายก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าหนึ่งในปัจจัย สำคัญที่ทำให้ความขัดแย้งของวัดบางคลานผ่อนคลายลงและมีแนวโน้มดีขึ้นมาจากการที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และรักษาราชการผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ได้เข้ามาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งวัดบางคลานที่ยืดเยื้อมานานนับ10ปี และรับปากว่าจะ จัดการกับปมปัญหาข้อขัดแย้งต่างๆ รวมถึงหากตรวจสอบในแต่ละประเด็นแล้วจะทำการชี้แจงข้อสงสัยในเรื่องต่างๆ ด้วยความโปร่งใส ชัดเจน และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

 

หนึ่งในแนวทางการแก้ไขปัญหาก็ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการวัด จำนวน 18 คน ประกอบด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน 6 หมู่บ้าน และสมาชิกเทศบาลตำบลบางคลาน ลงนามโดย พระครูวิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดบางคลาน เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 66 ที่ผ่านมา เพื่อบำรุงรักษาวัด จัดกิจการ และศาสนสมบัติของวัด ให้เป็นไปด้วยดี ถูกต้องตามพระธรรมวินัย กฎระเบียบมหาเถรสมาคม ซึ่งได้แบ่งการทำงานออกเป็น 3 ชุด ประกอบด้วยชุดที่ 1 มีหน้าที่จัดทำวัตถุมงคล ที่เจ้าอาวาสส่งมอบให้ตั้งแต่ปี 2561 , จัดทำบัญชีที่เจ้าอาวาสส่งมอบให้จำนวน 106 ล้านบาท และจัดรายการตู้บัญชีบริจาคชุดที่ 2 มีหน้าที่จัดทำบัญชีวัตถุมงคล ที่วัดสร้างขึ้นใหม่ และจัดทำบัญชีทรัพย์สิน ที่ยังไม่ได้ลงบัญชีวัดชุดที่ 3 มีหน้าที่ประสานงาน และไกล่เกลี่ยคดีความด้านต่าง ๆ

 

จากการพูดคุยกับชาวบ้านพบว่า ชาวบ้านรู้สึกพอใจที่มี การแต่งตั้งคณะกรรมการวัด จำนวน 18 คน และเชื่อใจพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว ว่าจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยความเป็นธรรมและโปร่งใส เนื่องจากได้เห็นกับตาและสัมผัสถึงจริงจัง ความเป็นกลาง ในตอนที่ พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ลงพื้นที่ทำงานและเห็นถึงความตั้งใจในแก้ไขปัญหาด้วยความเป็นกลางยึดตามความถูกต้องเป็นหลัก

 

ซึ่งชาวบ้านก็ได้พา ทีมข่าวสืบสวนความจริง เดินชมวัดบางคลาน พร้อมกับเล่าถึงความเดือดร้อนจากปมปัญหาที่เกิดขึ้นและยืดเยื้อยาวนานมาหลายปี รวมถึงบอกถึงว่าชาวบ้านบางคลานไม่ได้เป็นมาเฟีย วัดบางคลาน พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว และ ผู้ศรัทธา อยู่เสมอ ยังเล่าอีกว่าการที่มีคนกลางเข้ามาเป็นผู้ตรวจสอบและจะชี้แจงตามความเป็นจริงก็เป็นความหวังให้กับชาวบ้านที่จะให้ มหากาพย์ของวัดบางคลานจบลง และกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง

 

ทางด้านของ นายพร ก็ได้เล่าว่าอยากจะให้ปัญหาของวัดบางคลานหรือวัดหลวงพ่อเงินยุติโดยเร็วที่สุด และตนก็อยากจะให้ ผู้ที่เข้ามาแก้ไขปัญหาทำงานด้วยความเป็นธรรมโปร่งใสยึดตามหลักกฏหมาย และสำหรับการตั้ง 18 อรหันตนก็รู้สึกพึงพอใจ

 

โดยทางด้าน ของนายพงศ์กรณ์ ธรรมรังสรรค์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ต.บางคลาน หนึ่งใน 18 คนของคณะกรรมการวัด ก็ได้เปิดใจว่า ไม่ได้รู้สึกหนักใจที่ต้องแบกรับความหวังของชาวบ้านในการแก้ไขปัญหาของวัดบางคลาน เพราะต้นก็มีความต้องการที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของวัดบางคลานด้วยความยุติธรรมตามหลักของกฎหมาย เนื่องจากตอนนี้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุดก็คือชาวบ้านบางคลาน 


 

ขณะที่ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดพิจิตร และ รองประธานสภาวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย นายสุรสิงห์ แจ่มใส ก็ได้แสดงความคิดเห็นว่า การที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นที่วัดบางคลานได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน อันดับแรกฝ่ายที่ขัดแย้งกันต้องถอยคนก้าว เพื่อที่จะให้คนกลางเข้ามาไกล่เกลี่ย เพื่อจะได้ดำเนินการตรวจพบปมปัญหาที่ทั้ง 2 ฝ่ายสงสัย บนพื้นฐานของกฎหมาย

 

เช่นเดียวกับทาง นายอำเภอโพทะเล นายสุเมธ เมธีรัตนพิพัฒน์ ส่วนหนึ่งที่ทำให้การแก้ไขปัญหาที่วัดบางคลานมีแนวโน้มที่ดีขึ้นได้นั้นมาจากการที่แต่ละฝ่ายที่ขัดแย้งต่างพากันถอยคนละก้าว ซึ่งที่ผ่านมานั้นหน่วยงานภาครัฐต่างก็ชี้แจงและนำเสนอข้อเท็จจริงให้กับชาวบ้านมาโดยตลอด แต่ในช่วงนั้นความขัดแย้งกำลังดุเดือด ชาวบ้านก็เลยอาจจะยังไม่พร้อมรับข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ภาครัฐนำเสนอ

 

สำหรับปัญหาความขัดแย้งที่ยืดเยื้อของวัดบางคลาน การแก้ไขปัญหาต้องยืนอยู่บนหลักของนิติรัฐ ซึ่งหาก ชาวบ้านมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูล ทางภาครัฐก็พร้อมที่ชี้แจงและมอบข้อมูลตามความเป็นจริง


 

หนึ่งในผู้มีบทบาทกับชาวบ้านวัดบางคลาน คงไม่พ้นนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา ที่เข้ามาปรากฎตัวในวัดบางคลานในระยะหลัง ก็ยอมถอยฉากออกมาจากปัญหาที่เกิดขึ้น  หลังจากที่ได้หารือร่วมกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ที่เข้ามาทำหน้าที่ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ภายในวัดบางคลาน ก็เห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมวัดทั้ง 18 คน ซึ่งเป็นตัวแทนของชาวบ้าน ในพื้นที่ตำบลบางคลานอย่างแท้จริง เมื่อมีการตรวจสอบพบคนที่ทำผิด และคนที่ทุจริตทั้ง 2 ฝ่าย ก็ให้เป็นหน้าที่ของกระบวนการตามกฎหมาย ปัญหาที่ยืดเยื้อมานาน จะได้ยุติลงด้วยดี สำหรับการดำเนินการทางด้านกฎหมายก็ให้ดำเนินการบนพื้นฐานเดียวกันหากผู้ใดมีความผิดก็ขอให้ใช้กฎหมายเป็นคนจัดการไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่า วัดเป็นสถานที่ ที่มีความสำคัญ และเป็นที่ยึดเหนียวจิตใจของชาวพุทธ ดังนั้นการที่ทุกฝ่ายได้ถอยออกมาคนละก้าว ก็จะเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้กระบวนการแก้ไขปัญหามหากาพย์ของวัดบางคลาน ดำเนินไปอย่างราบรื่น และนำเอาความสงบสุข ความรุ่งเรืองกลับมาที่วัดบางคานหลวงพ่อเงินแห่งนี้อีกครั้ง