โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ประกาศระหว่างแถลงชัยชนะในวันพุธว่า เขาจะบริหารประเทศด้วยคติประจำใจง่าย ๆ คือ ให้สัญญา ก็ต้องรักษาสัญญา และเราจะทำตามสัญญา
และนโยบายหลัก 7 ข้อ ที่ทรัมป์ให้สัญญาไว้ ประกอบด้วย
---เนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมาย
ทรัมป์ประกาศไว้ว่า จะมีการเนรเทศผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารเข้าเมืองครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ และจะเดินหน้าสร้างกำแพงกั้นพรมแดนติดกับเม็กซิโกที่เริ่มไว้ในสมัยแรกให้เสร็จสิ้น
จำนวนผู้ลักลอบข้ามพรมแดนเพิ่มขึ้นสูงสุดในช่วงสิ้นปีที่แล้ว ก่อนลดลงในปีนี้ แต่ผู้เชี่ยวชาญ มองว่า การเนรเทศครั้งใหญ่อาจเผชิญความท้าทายในแง่กฎหมายและโลจิสติกส์ และอาจส่งผลให้การเติบโตของเศรษฐกิจชะลอตัวลง
---กระตุ้นเศรษฐกิจ ลดภาษี และขึ้นภาษีศุลกากร
ทรัมป์สัญญายุติเงินเฟ้อ ที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ก่อนลดลงแล้ว แต่ประธานาธิบดีแทบไม่ได้มีอำนาจโดยตรงเรื่องนี้ เขาสัญญาลดภาษีในวงกว้าง ที่จะขยายต่อจากมาตรการลดภาษีในปี 2560 และเสนอละเว้นภาษีในส่วนรายได้จากทิป, ยกเลิกภาษีการจ่ายประกันสังคม และลดภาษีนิติบุคคล
นอกจากนี้เขาเสนอเก็บภาษีศุลกากรอัตราใหม่อย่างน้อย 10% สำหรับสินค้าต่างประเทศส่วนใหญ่ เพื่อลดขาดดุลการค้า โดยสินค้านำเข้าจากจีนอาจถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้น 60% แต่นักเศรษฐศาสตร์เตือนมาตรการเหล่านี้จะทำให้ประชาชนทั่วไปต้องแบกรับราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้น
---ลดกฎระเบียบเรื่องสภาพภูมิอากาศ
ในช่วงดำรงตำแหน่งสมัยแรก ทรัมป์ยกเลิกมาตการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมหลายร้อยข้อ และทำให้สหรัฐฯ เป็นชาติแรกที่ถอนตัวจากข้อตกลงปารีสว่าด้วยสภาพภูมิอากาศ
ขณะที่ครั้งนี้เขาสัญญาลดกฎระเบียบเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐฯ และจะยกเลิกเป้าหมายของไบเดนที่กระตุ้นให้คนหันไปใช้รถยนต์พลังงานสะอาด เพิ่มการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลมากขึ้น สัญญาขุดเจาะน้ำมันมากขึ้น แทนการสนับสนุนพลังงานหมุนเวียน อย่าง พลังงานลม โดยต้องการเปิดพื้นที่ขุดเจาะ เช่น อาร์กติก
---ยุติสงครามยูเครน
ทรัมป์วิจารณ์การใช้จ่ายหลายหมื่นล้านดอลลาร์ของสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนยูเครนในการสู้รบกับรัสเซีย และให้คำมั่นยุติสงครามภายใน 24 ชม. ผ่านการเจรจา
แม้ทรัมป์สนับสนุนอิสราเอล แต่ก็เรียกร้องใหอิสราเอลยุติสงครามในฉนวนกาซา และสัญญาจะยุติการโจมตีของอิสราเอลในเลบานอน แต่ไม่ให้รายละเอียด
---ไม่ห้ามการทำแท้ง
ทรัมป์ประกาศในช่วงการดีเบตกับรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ว่าเขาจะไม่ลงนามกฎหมายห้ามทำแท้งระดับประเทศ เขามักบอกว่า ระดับรัฐควรมีอิสระในการตัดสินใจด้วยตัวเองเกี่ยวกับกฎหมายการทำแท้ง แต่เขาก็พูดกลับไปกลับมาเกี่ยวกับประเด็นนีเ
ในปี 2565 สิทธิการทำแท้งในระดับประเทศที่ได้รับการคุ้มครองภายใต้รัฐธรรมนูญถูกยกเลิกด้วยคำตัดสินของศาลฎีกาสหรัฐฯ ที่มีผู้พิพากษาหัวอนุรักษ์นิยมคุมเสียงข้างมากหลังการแต่งตั้งผู้พิพากษาใหม่บางคนในสมัยทรัมป์
---อภัยโทษผู้ก่อจลาจลบุกสภา 6 ม.ค.
ทรัมป์ประกาศไว้ว่าจะปล่อยบางคนที่ถูกตัดสินว่ากระทำผิดในช่วงเหตุการณ์ผู้สนับสนุนก่อจลาจลบุกสภาคองเกรสเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 เพื่อหวังขัดขวางการรับรองชัยชนะของไบเดนในการเลือกตั้งปี 2563 เขาเรียกผู้สนับสนุนหลายร้อยคนที่ถูกตัดสินว่ากระทำผิดว่า นักโทษการเมือง และชี้ให้เห็นว่า หลายคนถูกต้องขังอย่างผิด ๆ
---ปลดอัยการพิเศษ แจ็ก สมิธ
ทรัมป์ประกาศไว้ว่า ภายใน 2 วินาทีที่เข้ารับตำแหน่ง จะดำเนินการปลดแจ็ก สมิธ อัยการพิเศษ ที่ดำเนินการสอบสวนเขาในคดีอาญา 2 คดี ได้แก่ พยายามล้มล้างผลการเลือกตั้งปี 2563 และจัดการเอกสารลับอย่างไม่เหมาะสม ทรัมป์ปฏิเสธข้อกล่าวหา และบอกว่า การดำเนินคดีดังกล่าวเป็นการล่าแม่มดทางการเมือง
ทรัมป์กำลังจะกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวในฐานะประธานาธิบดีคนแรก ที่ถูกตัดสินว่ากระทำผิดคดีอาญาในนิวยอร์กจากคดีปลอมแปลงเอกสารทางธุรกิจ