ดัชนีดาวโจนส์ ตกลง 1,334 จุด หรือ 3.2% เมื่อเปิดตลาดช่วงเช้าวันพุธตามเวลาท้องถิ่น และดัชนี เอสแอนด์พี 500 ปรับขึ้น 2% และหุ้นแนสแด็กปรับขึ้น 1.8% และหากดาวโจนส์ยังเพิ่มขึ้นตลอดการซื้อขาย จะเป็นการปรับตัวมากขึ้นเป็นอันดับ 6 แต่ยังไม่เข้าใกล้สถิติสูงสุด
ตลาดขานรับด้วยความโล่งที่การเลือกตั้งรู้ผลได้อย่างรวดเร็ว หลังจากการเลือกตั้งที่มีความเสี่ยงว่าอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และทีมอาจโต้แย้งผลเลือกตั้งในศาล เป็นเมฆหมอกที่สร้างความอึมครึมแก่เศรษฐกิจและตลาดหุ้นของสหรัฐฯ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยตลาดต้องการความชัดเจนเพื่อให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถปรับแผนการธุรกิจและการจ้างงานต่าง ๆ
ขณะที่ซีเอ็นเอ็นรายงานคาดการณ์ว่า ทรัมป์ชนะด้วยคะแนนป็อปปูลาร์โหวตกว่า 71 ล้านเสียง และชนะอิเล็กทอรัลโหวต โดยได้ 276 เสียง ขณะที่รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ได้ป็อปปูลาร์โหวตกว่า 66 ล้านเสียง และอิเล็กทอรัลโหวต 223 เสียง ซึ่งจะทำให้เขาเป็นผู้สมัครประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันคนรกที่ชนะป็อปปูลาร์โหวต นับจากสมัยของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ในปี 2547
นอกจากนี้ผลคาดการณ์ ระบุว่า พรรครีพับลิกันสามารถครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา โดยได้ 52 เสียงแล้ว และพรรคเดโมแครตมีเพียง 42 เสียง แต่ยังเหลืออีก 6 ที่นั่ง
ส่วนการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร ซีเอ็นเอ็น คาดว่า พรรครีพับลิกันได้ 204 เสียง ใกล้แตะ 218 เสียง จากทั้งหมด 435 เสียง ที่จะทำให้สามารถครองเสียงข้างมาก และพรรคเดโมแครตได้ 182 ที่นั่ง ขณะที่ยังเหลืออีก 59 ที่นั่ง
ขณะเดียวกันทรัมป์ไม่เพียงชนะเลือกตั้งแล้ว เขายังรวยขึ้นอีกด้วย โดยหุ้นของทรัมป์ มีเดีย ที่เป็นธุรกิจสื่อของทรัมป์พุ่งสูงขึ้น 35% ในช่วงการซื้อขายก่อนเปิดตลาด ทำให้มูลค่าตลาดสูงเกือบ 9,000 ล้านดอลลาร์
หุ้นจำนวน 114.75 ล้านหุ้นของทรัมป์ มีมูลค่าเกือบ 5,300 ล้านดอลลาร์ในช่วงการซื้อขายก่อนเปิดตลาด เพิ่มขึ้นจาก 3,900 ล้านดอลลาร์ช่วงปิดตลาดในวันเลือกตั้ง
หุ้นของทรัมป์ มีเดีย ผันผวนอย่างแรงตามความวิตกของนักลงทุนว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร โดยช่วงหนึ่งหุ้นทรัมป์ มีเดีย ดิ่งลงทำสถิติต่ำสุดในเดือนกันยายน แต่ในช่วง 23 กันยายนถึงสิ้นเดือนตลาคม มูลค่าหุ้นทรัมป์ มีเดีย พุ่งขึ้นเกินกว่า 3 เท่า เนื่องจากเก็งว่าทรัมป์จะชนะเลือกตั้ง