svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เลือกตั้ง USA

"ทรัมป์-กมลา" คะแนนยังสูสี เกินกว่าจะฟันธงได้

ผลการนับคะแนนเบื้องต้น การแข่งขันระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และกมลา แฮร์ริส ยังสูสี รัฐแคลิฟอร์เนีย มีเสียงคณะผู้เลือกตั้งมากที่สุด 54 เสียงตามคาด

จากผลการนับคะแนนเบื้องต้นบ่งชี้ว่า การแข่งขันระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และกมลา แฮร์ริส ยังสูสีเกินกว่าจะฟันธงได้ โดยทรัมป์ชนะในรัฐบ้านเกิด ฟลอริดา และอีกหลายรัฐที่เป็นฐานเสียงหัวอนุรักษ์อื่นๆ ส่วนแฮร์ริสชนะในรัฐหัวเสรีในแถบชายฝั่งภาคตะวันออก และชนะในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่มีเสียงคณะผู้เลือกตั้งมากที่สุด 54 เสียงตามคาด

ซีเอ็นเอ็นรายงานผลนับคะแนนล่าสุด พบว่า ทรัมป์ได้คะแนนเสียงแล้วกว่า 51 ล้านเสียง และคาดว่า จะได้เสียงคณะผู้เลือกตั้ง 211 เสียง ขณะที่แฮร์ริสได้คะแนนเสียงกว่า 45 ล้านเสียง และคาดว่าจะได้เสียงคณะผู้เลือกตั้ง 145 เสียง แต่ยังไม่มีใครเป็นผู้นำชัดเจนใน 7 รัฐสมรภูมิ ที่จะเป็นตัวกำหนดผลแพ้ชนะ 

เบื้องต้นพบว่า ทรัมป์นำฉิวเฉียดใน 5 รัฐสมรภูมิ นอร์ทแคโรไลนา เพนซิลเวเนีย วิสคอนซิน แอริโซนา จอร์เจีย แฮร์ริสนำในมิชิแกน ขณะที่เนวาดายังไม่ปิดลงคะแนน ขณะที่คาดว่า มีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเกือบ 86 ล้านคน


ซีเอ็นเอ็น ระบุด้วยว่า ยังไม่มีผลเลือกตั้งที่พลิกความคาดหมาย โดยทรัมป์คาดว่าชนะคะแนนเสียงในรัฐ ที่เขาเคยชนะในการเลือกตั้งปี 2563 และรัฐที่แฮร์ริสชนะ ก็เป็นรัฐที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ชนะในปี 2563 ยังไม่พบว่า มีรัฐไหนที่พลิกลงคะแนนให้อีกฝ่าย

การเลือกตั้งจัดขึ้นท่ามกกลางการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด ขณะที่มีรายงานว่า มีเหตุหลอกลวงขู่วางระเบิดเกือบ 30 ครั้ง ตามหน่วยเลือกตั้งและสถานที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทั่วประเทศ ซึ่งกว่าครึ่งอยู่ในรัฐจอร์เจีย ที่เป็นหนึ่งในรัฐสมรภูมิ นอกจากนี้ยังมีคำขู่วางระเบิดในรัฐเพนซิลเวเนีย ที่ต้องมีการอพยพคนออกจากตึกที่เป็นคูหาเลือกตั้ง

ไม่ว่าผลเลือกตั้งครั้งนี้จะออกมาอย่างไร ล้วนเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ของสหรัฐฯ หากแฮร์ริสชนะ จะเป็นผู้หญิงคนแรก ผู้หญิงผิวสีคนแรก และชาวเอเชียใต้อเมริกันคนแรกที่ได้เป็นประธานาธิบดี ส่วนทรัมป์ชนะ จะเป็นประธานาธิบดี ที่ได้รับเลือกตั้งสมัยที่สอง ที่ไม่ติดต่อกันเป็นคนแรกในรอบกว่า 130 ปี และเขายังเป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ที่ถูกลงมติถอดถอน 2 ครั้ง และอดีตประธานาธิบดีคนแรกที่ถูกตัดสินว่ากระทำผิดคดีอาญา

ขณะที่เอ็กซิตโพลชี้ประชาธิปไตยและเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งปีนี้ โดย 35% ให้ความสำคัญกับประชาธิปไตยอันดับแรกจาก 5 ตัวเลือก  รองลงมา คือ เศรษฐกิจ, การทำแท้ง, ผู้อพยพ และนโยบายต่างประเทศ แต่ตัวเลขยังอาจเปลี่ยนแปลงได้ 

ที่ผ่านมาเศรษฐกิจเป็นปัจจัยอันดับแรกที่ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งให้ความสำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดีทุกครั้งนับจากปี 2551