นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะรองหัวหน้าพรรคฯ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการคลัง หารือกับสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ เพื่อหาความเหมาะสมการลงทุน และกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ วงเงินไม่น้อยกว่า 500,000 ล้านบาท ที่จะเห็นความชัดเจนภายในเดือนพฤษภาคมนี้ว่า รัฐบาล ยังไม่ได้มีการระบุว่า วงเงินดังกล่าวจะมาจากการกู้เงินหรือไม่ แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว 500,000 ล้านบาท ซึ่งปลัดกระทรวงการคลัง ได้ออกมาเปิดเผยแนวทางว่า อาจจะใช้เม็ดเงินในงบประมาณปี 2568 ที่เตรียมไว้สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 150,000 ล้านบาทมาใช้ ซึ่งหากจะมีการกู้ อาจจะลดการกู้ลง หรือไม่จำเป็นต้องกู้เลยก็ได้ เพราะยังมีงบประมาณสำหรับดิจิทัลวอลเล็ตอีก 150,000 ล้านบาท หากมีการจัดงบประมาณ 2568 ใหม่อีกครั้ง ก็จะได้เพิ่มมาอีก และงบประมาณปี 2569 ที่รัฐบาลกำลังรับฟังความคิดเห็น และคณะรัฐมนตรีเตรียมให้ความเห็นชอบนั้น ก็สามารถจัดสรรงบประมาณ เพื่อพยุงเศรษฐกิจถดถอย หรือชะลอตัวจากสงครามทางการค้าได้ หากจัดสรรใหม่ได้ราว 300,000 ล้านบาท ก็ไม่จำเป็นต้องกู้เพิ่ม แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็เรียกร้องให้รัฐบาล ปรับปรุงงบประมาณ 2569 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปของเศรษฐกิจ หากสภาผู้แทนราษฎร จะพิจารณาล่าช้า 1-2 อาทิตย์ ก็ไม่น่ามีปัญหาในการลดการเวลาการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ
ส่วนงบประมาณสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจ 500,000 ล้านบาทจะเพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้หรือไม่นั้น นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า ยากที่จะระบุได้ เพราะยังไม่มีรายละเอียดการกระตุ้นเศรษฐกิจของโครงการ และเคยมีประสบการณ์มาแล้ว หากเลือกวิธีการกระตุ้นผิด ผลก็จะไม่เกิด เช่น การแจกเงินหมื่นครั้งแรก ที่ไม่เห็นจะทำให้ GDP ของประเทศโตขึ้นตามที่รัฐบาลสัญญาไว้ ดังนั้น วิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจ 500,000 ล้านบาทนั้น สำคัญมากว่าจะกระตุ้นด้วยวิธีการได้ และรัฐบาลยังระบุอีกว่า ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ GDP ของประเทศกลับไป 3% ซึ่ง IMF ได้ประเมินแล้วว่า จาก GDP ของประเทศ 1.8% ให้ไปเป็น 3% นั้น ยากมาก และต้องใช้เม็ดเงินมากกว่า 500,000 ล้านบาท แต่หากต้องการประคอง GDP ประเทศให้ได้ 2% นั้น คาดว่า น่าจะเป็นไปได้
ส่วนที่การกู้เงินของรัฐบาลจะเป็นภาพจำด้านลบของประชาชน จะสามารถเชื่อมือรัฐบาลได้อย่างไรกับเงินก้อนนี้นั้น นางสาวศิริกัญญา ก็ยอมรับว่า เชื่อไม่ได้ และไม่สามารถเชื่อใจรัฐบาลได้ว่า จะไม่แจกเช่นเดิมหรือไม่ จึงต้องอาศัยพลังประชาชน และฝ่ายค้าน ช่วยกันกระตุ้นเตือนรัฐบาล ก่อนคิดการกู้เงิน หรือการขยายเพดานหนี้สาธารณะ จะต้องประกาศแผนการที่ชัดเจนก่อนว่า รัฐบาล มีความจำเป็นต้องใช้เงินในด้านใดบ้าง เช่น การเยียวยา หรือจะกระตุ้นการบริโภค หรือการลงทุนด้วยวิธีการใด หรือแผนการปฏิรูปปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไปในทิศทางใด จึงจะสามารถวางใจได้
ส่วนจะสามารถเชื่อมือรัฐบาลจะสามารถนำพาประเทศผ่านวิกฤตเศรษฐกิจที่รายล้อมอยู่ได้หรือไม่นั้น นางสาวศิริกัญญา ยอมรับว่า จะต้องปลอบใจตนเอง เพราะไม่มีทางเลือกมากนัก และเชื่อว่า นายกรัฐมนตรีจะไม่ประกาศยุบสภาเร็ว ๆ นี้แน่นอน เพราะคะแนนนิยมต่ำ และการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ก็ไม่เกิดขึ้นง่าย ๆ ดังนั้น ทางเลือกมีน้อย จึงต้องพึ่งพารัฐบาลชุดนี้แก้ปัญหา และพยายามเปิดใจ และเปิดทางเลือก เพื่อให้รัฐบาลทำงานได้ พร้อมให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์กับรัฐบาล นำพาประเทศออกจากวิกฤต จึงขอให้ประชาชน ร่วมกันตรวจสอบอย่างเข้มข้นหลังให้อำนาจรัฐบาลไปแล้ว
ส่วนการทำงานของรัฐบาลที่ไม่มีทีมเวิร์ค และต้องรอผู้มีบารมีคนเดียวในรัฐบาลนั้น นางสาวศิริกัญญา เห็นว่า ลำพังรัฐบาลจะบริหารงานให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนั้น ยากมาก ฝ่ายค้านจึงพยายามเปิดทางให้รัฐบาล มีทางเลือกให้ทำงานได้อย่างคล่องตัว เพราะลำพังการประสานงานในรัฐมนตรีพรรคเดียวกันเอง บางครั้งก็ยังติดขัด ดังนั้น ฝ่ายค้าน จึงจะค้านเท่าที่จำเป็น แต่ยังตรวจสอบเข้มข้น เพื่อไม่เป็นก้างขวางคอรัฐบาล และให้รัฐบาลพาประเทศฝ่าวิกฤต