svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

กมธ.ชี้ช่อง ปชช.อุทธรณ์เงินเยียวยายอดต่ำเตี้ยเรี่ยดินได้

21 เมษายน 2568
เกาะติดข่าวสาร >> NationTV
logoline

กมธ.แนะ มท.ส่ง จนท.ช่วย กทม.สำรวจความเสียหายที่อาศัยเยียวยา ปชช.เหตุดินไหว หวั่นไม่ทันกรอบจ่ายเงิน – ชี้ช่อง ปชช.อุทธรณ์เงินเยียวยายอดต่ำเตี้ยเรี่ยดินได้

คณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา ที่มีนายอลงกต วรกี สมาชิกวุฒิสภา เป็นประธาน มีการประชุมเพื่อพิจารณาความคืบหน้าในการดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตจากกรณีเหตุแผ่นดินไหว ที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบ เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากกระทรวงมหาดไทย, กระทรวงแรงงาน, กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกรุงเทพมหานคร เข้าชี้แจง

โดยสรุป การรับแจ้งความเสียหายจากแอพพลิเคชันทราฟฟี่ฟองดูว์ทั่วประเทศ สามารถยื่นคำร้อง และสำรวจภายใน 30 วัน นับแต่วันที่เกิดเหตุ โดยจะมีการสำรวจให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 27 เมษายน 2568 และจะต้องดำเนินการทำกระบวนการทำประชาคม พร้อมส่งเรื่องให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พิจารณาเงินช่วยเยียวยา ให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน หรือ 27 มิถุนายน 2568 นี้แต่เนื่องจาก ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีอาคารบ้านพักเสียหายจำนวนมาก และอาจจะไม่สามารถดำเนินการแล้วเสร็จในการเบิกจ่ายชดเชยให้กับผู้ประสบภัยจากกรณีหากการบ้านพักเสียหาย ดังนั้น จึงให้มีหนังสือแจ้งไปยังกระทรวงมหาดไทย พิจารณาส่งบุคลากรสนับสนุนการทำงานของกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะวิศวกรโยธา เนื่องจากกรุงเทพฯ มีอาคารบ้านพักเสียหายมากกว่า 32,000 ราย แต่ขณะนี้ กรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินการสำรวจความเสียหายได้เพียงราว 870 ราย จึงจะต้องขอความร่วมมือจากกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย และสภาวิศวกร ส่งบุคลากรสนับสนุน

ส่วนหลักเกณฑ์การจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้กับอาคาร บ้านพัก หรือคอนโด หลังมีผู้ประสบภัย ได้รับการเยียวยาชดเชยเพียง 70 บาท ถึง 300 บาท ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อค่าเอกสารปริ้นท์เอกสาร เป็นภาพสีนั้น เป็นไปตามการจ่ายเงินตามหลักเกณฑ์ การใช้จ่ายเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉิน ที่จ่ายชดเชยค่าวัสดุซ่อมแซมที่อยู่อาศัยประจำ ซึ่งผู้ประสบภัยผู้เป็นเจ้าของได้รับความเสียหายเท่าที่แท้จริง หลังละไม่เกิน 49,500 บาท โดยรายการชดเชยต่าง ๆ นั้น เป็นไปตามรายการประเมินค่าวัสดุที่เสียหายตามที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ระบุไว้

 

กรณีที่ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ บริเวณอาคารตึก สตง.ถล่มนั้น  ผู้บาดเจ็บที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล และออกจากโรงพยาบาลแล้ว กระทรวงแรงงาน จะชดเชยค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด และชดเชยการหยุดงาน หากพิการ หรือทุพพลภาพ จดได้รับการชดเชยตามระเบียบที่กำหนด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าผู้บาดเจ็บรายใดทุพพลภาพหรือไม่ กรณีเสียชีวิต จะมีการจ่ายค่าจัดการศพ รายละ 50,000 บาท เงินทุนเลี้ยงชีพ ร้อยละ 70 ของค่าจ้าง สูงสุดไม่เกิน 14,000 บาทต่อเดือน รวม 10 ปีให้กับทายาท และมีเงินทุนเลี้ยงชีพ บำเหน็จชราภาพกองทุนประกันสังคมตามการจ่ายเงินสมทบของผู้ประกันตนโดยพิจารณาจากผู้เสียชีวิต จำนวน 54 ราย แบ่งเป็นพื้นที่อาคาร สตง.ถล่ม จำนวน 47 ราย และพื้นที่อื่นอีก 7 ราย ซึ่งการจ่ายเงินชดเชยดังกล่าว จะครอบคลุมทั้งลูกจ้างคนไทยและต่างชาติ

 

สำหรับการชดเชยเยียวยาทุกกรณี หากผู้ยื่นคำร้องชดเชยไม่พอใจ ไม่ยอมรับการชดเชยที่กำหนดไว้ ผู้ยื่นคำร้อง สามารถขออุทธรณ์ได้ และหากไม่พอใจคำอุทธรณ์ สามารถร้องต่อศาลปกครอง หรือตามกระบวนการทางปกครองได้

 

 

ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น นายอลงกต ได้เปิดเผยผลการประชุม ถึงกรณีการจ่ายเงินเยียวยาบ้านพักอาศัยหรือคอนโดมิเนียมที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวว่า ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครมีการร้องเรียนว่า ได้รับความเสียหายประมาณ 32,279 ยูนิต ผ่านการรับรองแล้ว 878 ยูนิต เป็นยอด ณ วันที่ 19 เมษายนนี้ ซึ่งยังสามารถยื่นคำร้องได้ถึงวันที่ 27 เมษายนนี้  ส่วนกรณีความเสียหายที่เกิดขึ้นในต่างจังหวัด ทราบมาว่าไม่ค่อยมีปัญหาแต่ที่เป็นปัญหาคือพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งทางวุฒสมาชิก จะมีหนังสือไปยังกระทรวงมหาดไทย สภาวิศวกร เพื่อขอความช่วยเหลือดำเนินการส่งวิศวกร มาช่วยตรวจสอบเพิ่มเติมเนื่องจากบุคลากรกรุงเทพมหานครมีไม่เพียงพอ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่ากระบวนการจะยังไม่แล้วเสร็จภายใน 90 วัน เนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากนำตัวเลขที่กล่าวมา และมีความละเอียดอ่อนที่ต้องใช้กระบวนการทำประชาพิจารณ์ และการตรวจสอบของวิศวกรทั้งหมด

 

นายอลงกต ยังเปิดเผยว่า ที่ประชุมกมธ. ได้สอบถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีผู้ได้รับความเสียหาย ได้รับการประเมินราคาเยียวยาอยู่ที่ 70 หรือ 300  บาทในราคาที่ค่อนข้างต่ำ แต่ทั้งนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ยึดระเบียบจากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้กำหนดราคาความเสียหายไว้ ซึ่งจะคล้ายกับการเกิดกรณีเพลิงไหม้ หรือพายุฤดูร้อน และน้ำท่วม ที่ทำให้บ้านเรือนเสียหาย จะเป็นการยึดตามระเบียบเดียวกัน และทางเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามระเบียบ โดยสามารถจ่ายเงินเยียวยาได้สูงสุดอยู่ที่ 49,500 บาทต่อหลัง และต่อให้บ้านมีราคา 10 ล้านบาท ตามระเบียบก็ให้วงเงินมาเพียงเท่านี้

 

ส่วนวงเงินดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่ เนื่องจากอดีตที่ผ่านมาประเทศไทยไม่เคยประสบเหตุแผ่นดินไหว จะต้องมีการปรับระเบียบนั้น นายอลงกต กล่าวว่า หากจะมีการปรับระเบียบต้องไปแก้ระเบียบกระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ก็จะเป็นกรณีพิเศษเหมือนกับเหตุการณ์น้ำท่วมทางภาคเหนือที่ผ่านมาต้องใช้มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่พบว่ามีความเสียหายเกินกว่าระเบียบที่กำหนดไว้ เป็นเรื่องของข้อกฎหมาย โดยในเรื่องนี้สว. จะมีข้อสังเกตตรงนี้ ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความเสียหายมากเกินกว่าที่ระเบียบกำหนดไว้ ต้องมีการเยียวยามากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งบทบาทของสว. มีหน้าที่ตรวจสอบและแก้กฎหมาย ก็จะใช้บทบาทตรงนี้เสนอไป ที่ต้องมีการปรับวงเงินมากกว่าปัจจุบัน และในระเบียบเดิมจะตีเป็นการเหมาจ่ายจะรวมค่าแรงด้วย แต่ที่มีความเป็นห่วงคือค่าวัสดุ อุปกรณ์ ที่อาจจะไม่สอดคล้องกับราคาปัจจุบัน ก็จะส่งข้อสังเกตดังกล่าวไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย

 

นายอลงกต ยังกล่าวว่า ตอนนี้ต้องเชื่อวิศวกรที่เป็นผู้ประเมิน แต่หากประชาชนไม่พอใจในราคาประเมินก็สามารถยื่นอุทธรณ์ตามกระบวนการได้ หากอุทธรณ์แล้วยังไม่พอใจ ก็สามารถส่งเรื่องมาที่ สว.พร้อมยืนยันว่า ผู้เสียหายที่ได้ยื่นเรื่องมาจะรับการเยียวยาทุกคน แต่อาจจะมีล่าช้าบ้าง แต่ชัวร์ ซึ่งกระบวนการตั้งเป้าว่า ให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน ที่คาดว่าจะจบภายใน 27 มิถุนายนนี้ โดยเฉพาะต่างจังหวัดน่าจะจบ แต่กรุงเทพมหานคร อาจจะล่าช้าเนื่องจากวิศวกรไม่พอ

 

ส่วนกรณีที่มีประชาชนที่ยังไม่ได้ไปยื่นหนังสือ เพราะมองว่าหากไปยื่นก็ไม่คุ้มค่านั้น นายอลงกต กล่าวว่า จุดอ่อนของกรุงเทพมหานครคือแทนที่จะทำงานเชิงรุกไปสำรวจความเสียหาย แต่กลับรอให้ประชาชนมายื่นคำร้อง แต่เข้าใจว่าบุคลากรมีไม่เพียงพอจริง แต่ขอพูดในฐานะคนกลางที่เห็นใจทั้งกทม.และประชาชน และมาเจอคำถามขณะยื่นคำร้องว่า พังเสียหายจริงหรือไม่ ซึ่งหน่วยราชการควรถามว่า พังเสียหายระดับนี้จะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง อย่างไรก็ตาม หากมีการร้องเรียนเข้ามาทางกมธ. จะมีการเรียกหน่วยงานเข้ามาชี้แจงเพิ่มเติม

 

ด้าน นายสิทธิกร ธงยศ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะโฆษกกรรมาธิการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา เปิดเผยว่า ในวันพุธที่ 23 เมษายนนี้ กรรมาธิการฯ จะประชุมเพื่อติดตามตรวจสอบหาข้อเท็จจริง กรณีเหตุการณ์ตึก สตง. แห่งใหม่ถล่ม โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านอาคารสูง และหน่วยงานต่าง ๆ และ สว.ที่เป็นวิศวกร เข้ามาหารือ และร่วมตรวจสอบ โดยคาดว่า จะใช้กรอบเวลาไม่เกิน 90 วัน จะได้ข้อสรุปว่า สาเหตุเกิดจากอะไร หากพบมีใครเกี่ยวข้อง หรือเป็นตัวการที่มีส่วนเกี่ยวข้องทำให้โครงสร้างอาคารพังลงมา ก็จะยื่นองค์กรอิสระให้มีการตรวจสอบต่อไป

logoline