17 เมษายน 2568 ศาลจังหวัดขอนแก่น ได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ 258/2564 ที่พนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย จำเลย ในฐานความผิด ร่วมกันยักยอกทรัพย์ ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอม
จากกรณีการทุจริตเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น รวม 431 ล้านบาท ระหว่างปี 2554-2562 ในขณะดำรงตำแหน่งผู้จัดการสหกรณ์ฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษา เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2568 เวลา 09.00 น. แต่ นายเอกราชฯ จำเลย ไม่มาฟังคำพิพากษา อ้างว่าป่วยหนักจากโรคหลอดลมอักเสบ ไซนัสอักเสบ กรดไหลย้อน เข้ารักษาโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.2568 และไม่มีกำหนดออกจากโรงพยาบาล ศาลจึงอนุญาตให้เลือนนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 17 เม.ย. 2568 เวลา 09.00 น.
โดยวันนี้นายเอกราชฯ ได้เดินทางมาโดยรถตู้ส่วนตัว พร้อมกับทีมทนายความ ขณะที่ฝ่ายโจกท์ร่วม มีนายอนุศาสตร์ สอนศิลพงศ์ ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด พร้อมสมาชิกฯ ประมาณ 20 คน เดินทางเข้าร่วมรับฟังการอ่านคำพิพากษา โดยทางศาลได้อนุญาตให้สื่อมวลชน เข้าร่วมรับฟังการอ่านคำพิพากษาภายในห้องพิจารณาคดีด้วย
โดยศาลได้ใช้เวลาในการอ่านคำพิพากษา กว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งสาระสำคัญของคำพิพากษา คือ การชี้ให้เห็นว่าจำเลยได้มีการพฤติการณ์ในการกระทำผิดตามฟ้อง โดยเฉพาะการยักยอกทรัพย์ของสหกรณ์ไป โดยได้มีการนำเอาสมุดคู่มือบัญชีเงินฝากของสหกรณ์มาดัดแปลง แก้ไข ยอดเงินฝาก ถอน คงเหลือ ในสมุดบัญชีเงินฝากของสหกรณ์ เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจว่ามียอดเงินในบัญชี และแสดงเอกสารเท็จต่อฝ่ายตรวจบัญชีของผู้เสียหาย อันก่อให้เกิดความเสียหายต่อสหกรณ์ โดยมีการกระทำหลายครั้งและต่อเนื่องหลายปี นับตั้งแต่ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานสหกรณ์ฯ
ศาลจึงมีคำพิพากษาว่าจำเลยได้ร่วมกันทำกระทำผิดตาม ม.91 ฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์ ทั้งหมด 5 กระทง ตัดสินจำคุกกระทงละ 3 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพให้ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงเหลือกระทงละ 1 ปี 6 เดือนรวม 5 ปี 30 เดือน และกระทำผิดตามและความผิดตามมาตร 268 ฐานร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร 21 กระทง ตัดสินจำคุกกระทงละ 6 เดือน โดยจำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงเหลือกระทงละ 3 เดือน รวม 63 เดือน รวมพิพากษา 5 ปี 93 เดือน พร้อมให้ชำระเงินที่เหลือให้กับสหกรณ์อีกประมาณ 405 ล้านบาท
ส่วนกรณีที่จำเลยเคยยื่นกลับคำให้การเป็นปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหานั้น ศาลไม่รับคำร้อง เนื่องจากจำเลยได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหามาแล้วในการพิจารณาคดีครั้งก่อน และได้มีการชำระเงินคืนให้กับสหกรณ์มาแล้ว
ส่วนกรณีที่โจทย์ยื่นขอออกหมายจับจำเลย จากเหตุการณ์การละเมิดคำสั่ง ในการนัดฟังคำพิพากษาที่ผ่านมา และจำเลยขอเลื่อนและอ้างว่าป่วย แต่กลับพบว่าไปประชุมสภาฯ และลงพื้นที่ร่วมกับคณะรัฐมนตรีฯ นั้น
นายเอกราช ได้ยืนแถลงต่อศาลถึงความจำเป็น โดยอ้างว่า เป็นการประชุมในเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องประชาชน และการที่ตนเองลงพื้นที่ร่วมกับ รมว.เกษตรฯ นั้น ก็เป็นช่วงที่ตนเองออกจาก รพ.พญาไท2 ซึ่งอาการดีขึ้นแล้ว ในเรื่องนี้ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง แต่กำชับให้จำเลยมาพบศาลตามนัดหมายทุกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจบการอ่านคำพิพากษา ทนายจำเลยได้ยื่นขอประกันตัวต่อศาล โดยเบื้องต้นใช้ตำแหน่ง สส.ของจำเลย และหลักทรัพย์ที่ดินมูลค่า 5 ล้านบาท เป็นหลักทรัพย์ในการยื่นประกันตัว และขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการยื่นเรื่องต่อศาล คาดว่าจะทราบผลในช่วงบ่ายวันนี้
ด้านนายอนุศาสตร์ สอนศิลพงศ์ ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด กล่าวว่า ทางสหกรณ์ฯ รู้สึกพอใจกับคำพิพากษาของศาลในวันนี้ หลังจากที่สู้คดีกันมาตั้งแต่ปี 2562 รวมเวลา 6 ปี ซึ่งท้ายที่สุดที่เราต้องการคือ ทรัพย์ของสหกรณ์ต้องได้กลับมา และสมาชิกไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนจำเลยจะยื่นประกันตัวก็เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งทางสหกรณ์ฯ ก็จะใช้สิทธิ์ในการยื่นคัดค้านการประกันตัวเช่นเดียวกัน
ศาลให้ประกัน "เอกราช"
ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว นายเอกราช จำเลย ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวชั้นอุทธรณ์คดี
โดยศาลจังหวัดขอนแก่น อนุญาตให้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ ทำสัญญาประกันเงินสด 3 ล้านบาท และกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ
ดูคลิป
อ่านข่าว : ศาลนัดชี้ชะตา "เอกราช ช่างเหลา" ยักยอกเงินสหกรณ์ครูฯ 431 ล้าน