นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ประเมินถึงเสถียรภาพของรัฐบาลหลังสงกรานต์ว่า ยังคงเห็นการผลักดันร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งยังมีความเห็นที่แตกต่างกันค่อนข้างสูงในพรรคร่วมรัฐบาล สุดท้ายพรรคเพื่อไทย ก็ต้องยอมถอย และถอนร่างกฎหมายออกไม่ทันในสมัยการประชุมนี้ ซึ่งเหตุผลที่ยอมถอยนั้น เป็นสิ่งที่พวกเราเห็นด้วย และสื่อสารมาโดยตลอดว่า ไม่อยากให้ดำเนินการเร่งรีบมากจนเกินไป อย่างน้อยในช่วงปิดสมัยการประชุมสภา รัฐบาลยังมีเวลาในการดำเนินการหลายเรื่อง อย่างแรกที่สุดคือ การเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ให้ครอบคลุมมากขึ้น ถัดมาคือ หลักเกณฑ์การป้องกันการฟอกเงิน หรือ ธุรกรรมผิดกฎหมาย การทุจริตคอรัปชั่น และสุดท้ายคือ การคัดเลือกเอกชนที่จะเข้ามาทำโครงการ โดยสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ ในช่วงที่ปิดสมัยการประชุมรัฐบาลก็ควรจะมีความชัดเจน รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการด้วย
ส่วนท่าทีของ สส.พรรคภูมิใจไทยที่แสดงออกไม่เห็นด้วยชัดเจนสะท้อนภาพพรรคร่วมแตกกันหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องไปคุยกันให้ตกผลึก โดยเฉพาะนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะต้องแสดงให้เห็นว่า สามารถควบคุมเสียงภายในพรรคร่วมรัฐบาลได้ ไม่ใช่อยู่ดี ๆ อยากจะเสนอร่างกฎหมายใดเข้ามาในสภาก็ได้ หรือเสนอเข้ามา โดยที่ภายในพรรคร่วมเองยังไม่ตกผลึก ซึ่งหากมีการดำเนินการแบบนี้เชื่อว่า ก็จะมีผลกระทบ กับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อเสถียรภาพของรัฐบาล
ส่วนโอกาสที่จะยุบสภานั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนคงประเมินให้ไม่ได้ แต่การดำเนินการผลักดันร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ก็จะทำให้ประชาชนเห็นว่า มีเพียงพรรคเพื่อไทย พยายามผลักดันพรรคเดียว แต่พรรคร่วมไม่เอา ก็เป็นไปได้ที่จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาล ทั้งนี้หากจะมีการยุบสภา หรือไม่ยุบ ก็คงอยู่ที่พรรคเพื่อไทย และตัวของนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำรัฐบาล