ที่อาคารรัฐสภา สมาชิกวุฒิสภา นำโดย นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา แถลงคัดค้านการนำร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่มีกาสิโนรวมอยู่ด้วย เข้าสู่การพิจารณาของ สส. ว่า การนำกฎหมายเข้าสู่วาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 9 เมษายน 2568 มองเป็นการเร่งรัด ขาดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ขัดต่อหลักนิติธรรมและหลักธรรมาภิบาลอย่างร้ายแรง อีกทั้งกฎหมายดังกล่าวไม่ได้มีการจัดทำประชามติ ถามประชาชนเลย ทั้งที่กฎหมายประชามติ ชัดเจนว่าหากเรื่องใดที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสำคัญของรัฐหรือกิจการที่กระทบต่อประโยชน์ได้เสียของประเทศชาติและประชาชน ควรให้มีการจัดทำประชามติก่อน จึงถือเป็นการเพิกเฉย ต่อบทบัญญัติของกฎหมาย และขาดความชอบธรรม จากประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตย
เหตุผลทางจริยธรรม การพนันเป็นอบายมุขที่ขัดต่อหลักศีลธรรมของสังคมไทยซึ่งยึดมั่นในหลักพระพุทธศาสนาและการเปิดกาสิโน จะส่งผลกระทบต่อเยาวชนและกลุ่มเปราะบางทำให้เกิดปัญหาสังคม เช่น การติดพนัน หนี้สิน และอาชญากรรมในครอบครัว ที่สำคัญกาสิโน ไม่ใช่เครื่องมือการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน รายได้จากภาษีการพนันไม่แน่นอนและต้องแลกมาด้วยต้นทุนทางสังคมที่สูง ต้องมีการใช้จ่ายทางด้านของสาธารณสุข ในบำบัดผู้ติดการพนัน อีกทั้งยังเสียภาพลักษณ์ของประเทศ ไม่ใช่การส่งเสริมการท่องเที่ยวที่แท้จริง
ขณะที่ทางด้านของความมั่นคง กาสิโน อาจถูกใช้เป็นช่องทางการฟอกเงินและสนับสนุนธุรกิจผิดกฎหมายซึ่งเป็นภัยต่อกับระบบเงินและความมั่นคงภายในประเทศ และการเปิดคาสิโนในประเทศยังขาดระบบการดูแล อาจนำไปสู่การแทรกซึมของอาชญากรรมข้ามชาติ
ดังนั้น สว.จึงเสนอให้หยุดการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ และถอนออกจากระเบียบวาระทันที หากเดินหน้าต่อควรจัดให้มีการทำประชามติก่อน
"ควรจะหยุดไว้ก่อนที่ประเทศจะต้องสูญเสียสิ่งที่ไม่อาจประเมินค่าได้ในระยะยาว สุดท้ายหากพรุ่งนี้ สภาผู้แทนราษฎรโหวตรับร่างพ.ร.บ Entertainment Complex ขั้นตอนต่อไปวุฒิสภา จะเข้าชื่อการยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ชหรือศาลรัฐธรรมนูญ ในความผิดจริยธรรมต่อไป" นายพิสิษฐ์กล่าว
นายพิสิษฐ์ ยังยืนยันว่า สว.ที่ คัดค้านตอนนี้มีกว่า 90% มีเพียง 5-6 คนเท่านั้นที่ยังเห็นด้วย
หลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น สว.ได้ร่วมกันทำสัญลักษณ์ ทำมือเป็นรูปกากบาท แสดงให้เห็นว่าคัดค้านกาสิโนในประเทศไทย