svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ผลกระทบต่อซอฟต์พาวเวอร์ จากภาษีทรัมป์ 36% ต่อสินค้านำเข้าจากไทย

ผลกระทบต่อซอฟต์พาวเวอร์ จากภาษีทรัมป์ 36% ต่อสินค้านำเข้าจากไทย
03 เมษายน 2568
เกาะติดข่าวสาร >> NationTV
logoline

“ภาษี 36% ต่อสินค้านำเข้าจากไทย” จะรุนแรงและมีผลลุกลามในหลายระดับ โดยเฉพาะในกลุ่ม ร้านอาหารไทย และ ซูเปอร์มาร์เก็ตเอเชียในสหรัฐฯ ซึ่งเป็น “แนวหน้า” ของวัฒนธรรมการบริโภคเอเชียในอเมริกา

กฤษฎา บุญเรือง 
2 เมษายน ค.ศ. 2025

“ภาษี 36% ต่อสินค้านำเข้าจากไทย” จะรุนแรงและมีผลลุกลามในหลายระดับ โดยเฉพาะในกลุ่ม ร้านอาหารไทย และ ซูเปอร์มาร์เก็ตเอเชียในสหรัฐฯ ซึ่งเป็น “แนวหน้า” ของวัฒนธรรมการบริโภคเอเชียในอเมริกา

ประเด็นที่น่าสังเกต กรณี “ภาษี 36% ต่อสินค้านำเข้าจากไทย” ดังนี้

1. ภาษี 36% ของสินค้าไทย “แรงกว่า” จีน

  • ขณะที่สหรัฐประกาศจะเก็บภาษีนำเข้าของสินค้าจีน 34% แต่กลับประกาศเก็บจากไทย 36% ทรัมป์อ้างเหตุผลว่าไทยเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจากสหรัฐในอัตรา 72% โดยเฉลี่ย สหรัฐจึงต้องตอบโต้โดยการเก็บภาษีสินค้าจากไทยในอัตราครึ่งหนึ่งคือ 36% 

    ซึ่งเรื่องนี้น่าเป็นห่วงและอาจมีผลกระทบอย่างรุนแรงเนื่องจากไทยไม่มีระบบโซ่อุปทานภายในประเทศที่ใหญ่พอที่จะดูดซับผลกระทบได้ทันเวลา ขณะที่ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่กว่าเช่นจีนและอินเดีย  (26%) นั้นอาจจะปรับตัวได้ดีกว่า

2. ร้านอาหารไทยในสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 10,000 แห่ง กำลังเผชิญวิกฤติ 3 ชั้น

  • ต้นทุนสินค้าเพิ่มทันที 30–40%: น้ำปลา ซอส น้ำพริก มะพร้าว เครื่องแกง เครื่องปรุงสำเร็จ—สินค้าหลักที่ร้านอาหารไทยพึ่งพาเกือบ 100%
  • ไม่สามารถปรับราคาขายได้ทัน: เพราะลูกค้าเป็นชาวอเมริกันหรือคนเอเชียหลากหลายเชื้อชาติที่มีความไวต่อราคามาก
  • ความเสี่ยงสูญเสียลูกค้า + ปิดกิจการ: ร้านอาหารไทยขนาดเล็กและกลางจะมี “margin” ต่ำอยู่แล้ว ภาษีนี้อาจทำให้หลายร้านถึงขั้นต้องลดพนักงานหรือปิดตัว
     

ผลกระทบต่อซอฟต์พาวเวอร์ จากภาษีทรัมป์ 36% ต่อสินค้านำเข้าจากไทย

3. วิกฤติที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเอเชีย (Asian Markets)

  • ซูเปอร์มาร์เก็ตเอเชีย เช่น 99 Ranch, H Mart, Mitsuwa, หรือร้านขนาดเล็ก รวมทั้งผู้นำเข้าที่เชี่ยวชาญทางด้านสินค้าอุปโภคบริโภคจากอินโดจีนโดยเฉพาะที่สั่งซื้อจากโรงงานในประเทศไทยภายใต้ยี่ห้อไทยและประเทศอื่นๆ อาจเจอปรากฏการณ์ “ตุนของ” ทันทีในคืนนี้หรือสัปดาห์นี้
  • สินค้าไทย เช่น น้ำปลา / น้ำพริกเผา / ข้าวหอมมะลิ / น้ำกะทิ / มะม่วงดอง ฯลฯ จะมีราคาสูงขึ้นทันที 30–40% เมื่อสต๊อกเก่าหมด หรืออาจจะขึ้นราคาภายในวันที่ 9 เมษายนเมื่อกฎหมายภาษีนี้ประกาศใช้เป็นทางการ
  • จะกระทบ ชนกลุ่มน้อยเชื้อสายเอเชียในสหรัฐฯ หลายสิบล้านคน โดยเฉพาะ คนไทย เวียดนาม ลาว เขมร และชาวจีนบางกลุ่มที่ใช้ของไทยเป็นประจำ 

หมายเหตุ การรีบเร่งซื้อสินค้าจำเป็นมากักตุนไว้อาจช่วยยอดขายเพิ่มขึ้นในระยะหนึ่งแต่ผู้บริโภคจะปรับตัวซื้อน้อยลงเนื่องจากราคาสินค้าสูงขึ้นซึ่งจะกระทบกระเทือนต่อยอดขายของผู้นำเข้าและร้านค้าต่างๆกลายเป็นปัญหาไปถึงการสั่งสินค้าจากไทยและอาจทำให้หลายโรงงานต้องลดจำนวนพนักงานตัดต้นทุนลงหรือปิดกิจการชั่วคราวหรือถาวรไปเลย

4. ผลกระทบทางวัฒนธรรมและ Soft Power ของไทย

  • ร้านอาหารไทยคือ Soft Power ที่สำคัญที่สุดของไทยในต่างประเทศ มีบทบาทในการสร้างภาพลักษณ์ เชื่อมโยงวัฒนธรรม และกระตุ้นการท่องเที่ยว
  • ภาษีนี้ ทำลายเส้นเลือดฝอยของ Soft Power ไทย อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในระดับนี้

ข้อเสนอเชิงนโยบายเร่งด่วน

  1. รัฐบาลไทยควรเจรจาระดับทวิภาคีเร่งด่วน โดยเน้นความเสียหายทางวัฒนธรรมและผลกระทบต่อผู้บริโภคในสหรัฐ
  2. ใช้ TTM (Thai Trade Missions) ในสหรัฐฯ ร่วมกับสถานทูต ผลักดันให้ แยกสินค้าประเภทอาหาร Soft Power ออกจากบัญชีภาษี
  3. สนับสนุนระบบ e-Export + ลดต้นทุนส่งออก เช่น ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ B2B, B2C เพื่อให้ร้านค้าขนาดเล็กสามารถเข้าถึงตลาดตรงได้
  4. ให้ BOI หรือกรมส่งเสริมการค้าออกมาตรการสนับสนุนต้นทุน SMEs ไทยในต่างประเทศ ในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้
logoline
News Hub