มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการวีซ่า ลงโทษเจ้าหน้าที่ปัจจุบันและในอดีตของไทย ที่เกี่ยวข้องทั้งโดยตรงและทางอ้อมกับ "การบังคับเนรเทศชาวอุยกูร์ไปยังประเทศจีน" แต่ไม่ได้ระบุชื่อของบุคคลที่ถูกลงโทษ
นับเป็นการตอบโต้ล่าสุด ต่อการที่ไทยส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คน ที่ถูกควบคุมตัวไว้ที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี 2557 กลับไปยังเขตปกครองตนเองซินเจียงของจีน เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ซึ่งรูบิโอ บอกว่า "เรายึดมั่นในการต่อสู้กับความพยายามของจีนที่กดดันรัฐบาลประเทศต่างๆ ให้ส่งกลับชาวอุยกูร์ และคนกลุ่มอื่นๆ ด้วยการบังคับไปยังจีน ที่ซึ่งพวกเขาอาจถูกทรมานและบังคับสูญหาย"
รูบิโอ บอกด้วยว่า "เมื่อพิจารณาถึงการกระทำของจีนที่มีมายาวนาน เรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลต่างๆ ทั่วโลก ปฏิเสธที่จะส่งตัวชาวอุยกูร์และคนกลุ่มอื่นๆ ไปยังจีน" ด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า คนในครอบครัวของผู้ที่ถูกมาตรการลงโทษทางวีซ่าจากสหรัฐฯ บางคน อาจได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า ได้ติดต่อประสานงานกับไทยหลายครั้ง เพื่อเลี่ยงการส่งชาวอุยกูร์กลับไปจีน ซึ่งรวมถึงการเสนอรับตัวไปยังสหรัฐฯ
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงาน มีอย่างน้อย 3 ประเทศ ที่เสนอขอรับตัวไป แต่ทางการไทยยังตัดสินใจทำตามคำร้องขอส่งตัวของรัฐบาลจีน เนื่องจากกังวลต่อผลกระทบที่อาจจะตามมา
“มาร์โค รูบิโอ” รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ
ขณะที่ ไลน์กลุ่มอย่างเป็นทางการ ฝ่ายสื่อ สถานทูตสหรัฐฯ ส่งข้อความข่าวถึงสื่อมวลชน มีใจความ ว่า 14 มีนาคม 2568 แถลงการณ์โดย นายมาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า วันนี้ ผมประกาศนโยบายข้อจำกัดเกี่ยวกับวีซ่าใหม่ ซึ่งจะมีผลกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศ ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันหรือในอดีต ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบต่อ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลักดันชาวอุยกูร์ หรือชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์ หรือศาสนากลุ่มอื่นที่อาจไม่ได้รับความคุ้มครองกลับประเทศจีน เรามุ่งมั่นต่อสู้ความพยายามของจีนในการกดดันรัฐบาลต่างๆ ให้ผลักดันชาวอุยกูร์และกลุ่มอื่นๆ กลับประเทศจีน ทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับการทรมาน และการบังคับให้สูญหาย
ผมปฏิบัติตามนโยบายนี้โดยทันทีด้วยการดำเนินขั้นตอนเพื่อกำหนดข้อจำกัดเกี่ยวกับวีซ่า กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันและในอดีต ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบต่อ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลักดันชาวอุยกูร์ 40 คน ออกจากประเทศไทยในวันที่ 27 กุมภาพันธ์
จากการที่จีนกระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติกับชาวอุยกูร์มาเป็นเวลานาน เราขอให้รัฐบาลทั่วโลก ไม่ผลักดันชาวอุยกูร์และกลุ่มอื่นๆ กลับประเทศจีน
นโยบายข้อจำกัดเกี่ยวกับวีซ่านี้เป็นไปตามมาตรา 212(a)(3)(C) แห่งรัฐบัญญัติตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติของสหรัฐฯ (Immigration and Nationality Act) และอนุญาตให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ดำเนินการตามข้อจำกัดเกี่ยวกับวีซ่า กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันหรือในอดีต ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบต่อ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลักดันชาวอุยกูร์ หรือชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์ หรือศาสนากลุ่มอื่นที่อาจไม่ได้รับความคุ้มครองกลับประเทศจีน สมาชิกครอบครัวบางคนของบุคคลดังกล่าวอาจอยู่ภายใต้ข้อจำกัดเหล่านี้ด้วยเช่นกัน
โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ อธิบายเพิ่มเติมว่า ผู้ที่เป็นเป้าหมายของนโยบายนี้ มีผลกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันหรือในอดีต ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบต่อ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลักดันชาวอุยกูร์ หรือชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์ หรือศาสนากลุ่มอื่นที่อาจไม่ได้รับความคุ้มครองกลับประเทศจีน
และเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันหรือในอดีต ซึ่งพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว อาจขาดคุณสมบัติสำหรับวีซ่าสหรัฐฯ ภายใต้นโยบายนี้ สมาชิกครอบครัวสายตรง (immediate family members) ของบุคคลดังกล่าวอาจขาดคุณสมบัติสำหรับวีซ่าสหรัฐฯ ภายใต้นโยบายนี้เช่นกัน
เมื่อถามว่า นโยบายนี้มุ่งเป้าไปที่ใครเป็นพิเศษ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า ภายใต้กฎหมายสหรัฐฯ ข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่าของบุคคลหนึ่งบุคคลใดถือเป็นความลับ และเราไม่สามารถให้รายละเอียดว่าใครได้รับผลกระทบหรือจะได้รับผลกระทบบ้าง