นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส อดีตสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟสบุ๊ค และแพลทฟอร์มเอ๊กซ์ (X) ถึงกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เคยออกคำสั่งยุติการจัดซื้อจัดจ้างถ่านหินลิกไนท์ เข้าโรงไฟฟ้าแม่เมาะของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตว่า จะทำให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตมีภาระที่สูงขึ้น และอาจกระทบค่าไฟได้ถึง 10 สตางค์ พร้อมมองว่า วันนี้การใช้ไฟฟ้าในประเทศไทยนั้น ประกอบไปด้วยโรงไฟฟ้าจากหลายประเภท ทั้งแก๊ส โซลาร์ ลม ขยะ ถ่านหินลิกไนต์ เป็นต้น ซึ่งสูตรการคิดค่าขายไฟให้ประชาชน คือการเอาต้นทุนซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเหล่านี้มาเฉลี่ยต้นทุน บวกค่าสายส่ง และค่าบริการของการไฟฟ้าฯ เป็นต้น
โดยอัตราค่าซื้อไฟก็แตกต่างกันออกไป เช่น โรงไฟฟ้าแก๊สก็ประมาณ 3 บาทกลางๆต่อหน่วย(ขึ้นอยู่กับต้นทุนแก๊ส) โรงไฟฟ้าโซลาร์ ลม Adder ก็อยู่ประมาณ 8-13 บาท/หน่วย ส่วนถูกที่สุดก็คือโรงไฟฟ้าถ่านหินประมาณ 1.5 บาท/หน่วย ซึ่งปัจจุบันโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตถือว่าเป็นโรงไฟฟ้าที่ต้นทุนการผลิตไฟต่ำที่สุด
ซึ่งหากประเทศไทยทำสัญญาซื้อไฟกับโรงไฟฟ้าที่ต้นทุนถูกมากๆ แน่นอนว่า ค่าไฟก็จะถูกลง อย่างเช่นโครงการประมูลโซลาร์ล๊อตใหม่ 3,600 เมกะวัตต์ ก็จะถูกกว่าโครงการโซลาร์แบบมี Adder ล๊อตเก่า เพราะราคาประมูลใหม่นั้น fix ราคาซื้อที่ 2.16 บาท/หน่วย ตลอดอายุสัญญา (ในขณะที่สัญญาเก่า+ค่าแอดเดอร์+FT กลับสูงถึง 8-13บาท/หน่วย)
แต่วันนี้ประเทศไทย กำลังเข้าขั้นวิกฤตจากการบริหารงานที่ผิดพลาดอีกครั้งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
เนื่องจาก โรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ที่ปัจจุบันมีกำลังผลิตถึง 2,400 เมกะวัตต์ และเป็นโรงไฟฟ้าที่ผลิตไฟได้ถูกที่สุดของประเทศไทย กำลังมีปัญหาด้านการผลิต เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ไปสั่งคัดค้านการซื้อถ่านหินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ทั้ง ๆ ที่มีการประมูลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ซึ่งทราบต่อมาว่ามีนายทุน ผู้เสียผลประโยชน์แพ้ประมูลขุดถ่านหินไปอุทธรณ์ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก็เห็นด้วยเสมือนเป็นผู้มีส่วนได้เสียเองจนน่าแปลกใจ จนเป็นที่มาของการชะลอการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ในการจัดซื้อถ่านหิน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงเดียวของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ทั้งที่ กฟผ.ได้เคยออกมาชี้แจงแล้วว่า การประมูลขุดเหมืองถ่านหินเป็นไปอย่างโปร่งใส
ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ประชาชน ต้องรับกรรมที่ตามมาจากการกระทำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพราะโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะต้องลดกำลังการผลิตจาก 2,400 เมกะวัตต์เหลือ 1,285 เมกะวัตต์ เนื่องจากถ่านหินในคลังมีไม่เพียงพอ โดย กฟผ.ต้องเปลี่ยนไปเดินโรงไฟฟ้าก๊าซแทน ซึ่งมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า และยังต้องนำเข้าก๊าซ LNG มาเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รัฐต้องแบกต้นทุนที่สูงขึ้นถึงเดือนละ 1,300-1,900 ล้านบาท และอาจมีการปรับค่าไฟขึ้นอีกประมาณ 7-10 สตางค์ ตั้งแต่เดือน เม.ย. 68 เป็นต้นไป
นายตรีรัตน์ ยังตั้งคำถามว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งเป็นผู้สั่งคัดค้านการรับซื้อถ่านหินเข้าโรงไฟฟ้าแม่เมาะ พร้อมรับผิดชอบลาออกหรือไหมหากค่าไฟมีการปรับขึ้น