9 มีนาคม 2568 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุคนร้ายไม่น้อยกว่า 10 คน บุกยิงถล่มที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ว่า ได้รับรายงานแล้ว และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับผลกระทบ จากนี้ก็ต้องดำเนินการเยียวยากันต่อ พร้อมย้ำว่าการให้ความช่วยเหลือจะต้องทำอย่างเต็มที่
ส่วนช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเดือนรอมฎอน จะต้องมีการเพิ่มกำลังเพื่อรักษาความปลอดภัยหรือไม่ เพราะชาวบ้านต้องออกไปปฏิบัติศาสนกิจ นายกรัฐมนตรี บอกว่า จะต้องพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่ามีแผนในการดูแลเรื่องนี้แค่ไหน เพราะการเพิ่มกำลังไม่ใช่แค่การดูแล แต่ต้องสร้างความมั่นคงในจิตใจให้กับประชาชนด้วย
ส่วนปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เบื้องต้นมีหลายเหตุผล ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป
แม่ทัพภาคที่ 4 บินด่วนอำเภอสุไหงโก-ลก
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 11.00 น.พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค บินด่วนลงพื้นที่ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ประชุมร่วม 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจ ปกครอง ติดตามสถานการณ์ หลังเกิดเหตุรุนแรงในพื้นที่ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส หลายจุดเมื่อคืนที่ผ่านมา (8 มี.ค2568) โดยมีพล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือที่ 33 หน่วยกำลัง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองในพื้นที่ร่วมประชุม สรุปสถานการณ์และรายงานผลกระทบ พร้อมหารือแนวทางการปรับแผนการดูแลพื้นที่อย่างเข้มข้น
ทั้งนี้ ภายหลังได้รับฟังสรุปสถานการณ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งทบทวนแผนการปฏิบัติ เน้นย้ำแผนรักษาความปลอดภัยเขตเมือง สถานที่ราชการเป็นสำคัญ เพราะจากพฤติการณ์ของกลุ่มเหตุรุนแรง พบว่า มีการวางแผนเตรียมการมาอย่างดี มีกองกำลังและอาวุธพร้อมครบมือ
โดยก่อเหตุอย่างอุอาจไม่เกรงกลัวและคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน แม้จะเป็นช่วงเดือนรอมฎอนอันประเสริฐของพี่น้องชาวไทยมุสลิม
เมื่อค่ำวันที่ 8 มีนาคม 2568 เกิดเหตุระเบิดบริเวณหน้าที่ทำการอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
โดยจากนี้ให้ผู้บังคับหน่วยกำชับและแจ้งเตือนหน่วยให้ชัดเจน ให้ลงให้ถึงผู้ปฏิบัติ และให้มีการปรับแผนการปฏิบัติงาน ยกระดับให้มีความรัดกุม รอบคอบ ไม่ประมาท และเสริมการรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการ และสิ่งสาธารณูปโภค จุดล่อแหลมต่างๆ รวมถึงการดูแลเส้นทางหลักเส้นทางรองและเร่งบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
รวมถึงเครือข่ายประชาชนช่วยสอดส่องดูแลเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ และเมื่อพบสิ่งผิดปกติให้รีบแจ้งกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองโดยด่วนทันทีเพื่อเป็นการป้องกันการเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน