นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม แถลงชี้แจงหลังถูกกล่าวหาสร้างเฟคนิวส์จากจดหมายอุยกูร์ปลอมว่า สิ่งที่จำเป็นจริง คือคำตอบของรัฐบาลไทยว่า ชาวอุยกูร์สมัครใจกลับจริงหรือไม่ และจีนเป็นประเทศเดียวหรือไม่ ที่ต้องการรับตัว ไม่มีประเทศใดเป็นประเทศที่สามรับไปตั้งถิ่นฐาน ซึ่งเป็นคำถามใหญ่ ๆ ที่ยังไม่มีคำตอบ และตอนนี้คำถามของสังคมพุ่งมาหาตนว่า จดหมายที่นำเสนอจริงหรือไม่ ตนไม่อยากเอาเป็นสารัตถะสำคัญในการผลักดันผู้ลี้ภัยออกจากประเทศไทย และต้องไปเจอการประหัดประหารในประเทศต้นกำเนิดตอนลี้ภัยมาเกือบ 11 ปีแล้ว เป็นหลักฐานชัดเจนว่า เขายังมีอยู่ในห้องกักจนกระทั่งวันที่ 27 กุมภาพันธ์
"ผมไม่เคยพูดว่าจดหมายฉบับนี้ ออกจากกรมราชทัณฑ์อย่างถูกต้องตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ แต่ผมได้มาจากผู้ต้องกักสวนพลู ซึ่งเป็นชาวอุยกูร์ ที่เคยอยู่ในเรือนจำ เพราะต้องคดี ทั้งหมด 7 คน แต่ 5 คน ยังอยู่ในเรือนจำ 2 คนออกมาแล้ว และถูกผลักดันกลับประเทศจีน" นายกัณวีร์กล่าว
นายกัณวีร์ ยังระบุว่า การที่ต้องมาดูกระดาษแผ่นนี้ไม่ใช่สาระสำคัญ แต่สิ่งจำเป็นคือรัฐบาลต้องออกมายืนยันภาพลักษณ์ของประเทศไทยว่า ไม่ได้ผลักดัน และได้ยึดมั่นในมาตรฐานสากลเรื่องการแก้ปัญหาผู้ลี้ภัย และการทำงานของรัฐบาลไทย ต้องไม่ผิดหลักกฎหมายภายในประเทศ รวมถึงกรอบอนุสัญญาต่าง ๆ ไม่ใช่มาถามกรมราชทัณฑ์ว่า จดหมายฉบับนี้ เป็นจดหมายจริงหรือปลอม และยืนยันว่า จดหมายฉบับนี้เป็นของพี่น้องชาวอุยกูร์ที่ถูกกักขัง และถูกผลักดันกลับประเทศไปแล้ว
นายกัณวีร์ กล่าวว่า จดหมายฉบับนี้เขียนถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยากให้ลองคิดดูว่า หากเป็นท่านจะรู้สึกอย่างไร เพราะท่านก็เพิ่งได้รับการกลับมาอยู่พร้อมกับครอบครัว ซึ่งอยากสะท้อนให้เห็นความเป็นมนุษย์คนหนึ่งว่า คนที่มีอำนาจอยู่ในขณะนี้ ทำให้เขากลับไปรวมตัวกับครอบครัวได้ จะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน
ส่วนกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุการส่งชาวอุยกูกลับประเทศ เป็นการป้องปรามไม่ให้เกิดการก่อเหตุรุนแรงขึ้นอีกหลังเคยมี เหตุระเบิดที่ราชประสงค์นั้น นายกัณวีร์กล่าวว่า เป็นคนละเรื่อง เพราะการเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ยังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการกฎหมาย และอยู่ระหว่างการสอบพยานอีกกว่า 170 ปาก จึงมองว่า การผลักดันชาวอุยกูร์ออกประเทศ ไม่ใช่การป้องปรามเหตุการณ์ต่าง ๆ แต่จริง ๆ แล้วมองว่า เกิดขึ้น เพราะรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนพูดคุยกันในช่วงเดียวกับที่มีการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่รัฐบาลจีน ส่งเครื่องบินเข้ามารับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งตอนนั้นตนได้ออกมาเปิดเผยเรื่องการผลักดันชาวอุยกูร์ ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ก็ถูกกล่าวหาว่า เป็นเจ้าพ่อเฟคนิวส์ สร้างข่าวลือข่าวปลอมบ้าง แต่ยืนยันว่า ทุกข่าวที่นำมามีหลักฐาน
นายกัณวีร์ ยืนยันว่า พยายามจะสร้างภาพลักษณ์ให้กับประเทศไทย เพราะหากประเทศไทยไม่สามารถยึดมั่นตามหลักสากลได้จะมีข้อครหา และมีคำถามกลับมาเวทีระหว่างประเทศว่า ประเทศไทยไม่สนับสนุนเรื่องสิทธิมนุษยชน หรือมนุษยธรรมหรือไม่ เพราะทุกคนทราบดีว่า ขณะนี้ ไทยเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จึงต้องแสดงให้เห็นว่า ไทยยึดมั่นตามหลักสิทธิมนุษยชน พร้อมระบุอีกว่า ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินว่า ชาวอุยกูร์ขอกลับประเทศหรือมีความสมัครใจมากน้อยแค่ไหน และไม่เคยได้ยินว่า เขาต้องการกลับบ้าน จะเห็นจากสื่อต่าง ๆ ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า ชาวอุยกูร์ 40 กว่าคน อดเข้าประท้วง หลังจากมีความเป็นไปได้ว่า จะถูกผลักดันกลับประเทศ
หรือหากมีหลักฐานใดที่บอกว่า ชาวอุยกูร์ สมัครใจจริง ๆ ขอให้นำมาโชว์ว่า เราไม่มีการผลักดันคนกลับไปสู่การถูกประหักประหารอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะเป็นการลดแรงประทะในเวทีระหว่างประเทศ เพราะหากกลุ่มเสรีนิยมประชาธิปไตย ถามประเทศไทยว่า มีหลักฐานอะไรที่บอกว่า ไม่ได้ผลักดัน และเขาสมัครใจจริง ๆ จะสามารถตอบได้