14 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้เกิดปรากฎการณ์ฮือฮาสร้างความแปลกใจให้กับสมาชิกรัฐสภา วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
เมื่อทุกคนได้พบ "นายเอกราช ช่างเหลา" สส. ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมประชุมด้วย โดยได้นั่งอยู่ข้างๆ รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา จากพรรคกล้าธรรม
ทั้งนี้ นายเอกราช เพิ่งได้ทำหนังสือแจ้งศาลขอเลื่อนฟังคำสั่งพิพากษาในคดียักยอกทรัพย์เงินสหกรณ์ครูขอนแก่น เป็นเงินกว่า 400 ล้าน เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยแนบเอกสารใบรับรองแพทย์รพ. ที่ลงความเห็นว่านายเอกราช ป่วยหนักหลายโรคต้องนอนพักรักษาตัวที่รพ.อย่างไม่มีกำหนดออกจากรพ. ทำให้ศาลอนุญาตเลื่อนฟังคำสั่งคดีออกไปเป็นวันที่ 17 เม.ย.68
ถึงกระนั้น "นายเอกราช" กลับมาปรากฎตัวในที่ประชุมสภา เมื่อวันที่ 13 ก.พ. หรือห่างจากวันที่ศาลนัดฟังคำสั่งคดีเมื่อวันที่ 11 ก.พ.หรือสองวันเท่านั้นเอง
การประชุมร่วมรัฐสภา เมื่อวันที่ 13 ก.พ.2568 นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย นั่งอยู่ข้างๆร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
ขณะที่มีผู้โพสต์ข้อความ แสดงความสงสัยต่ออาการของนายเอกราช ได้ยาดี หรือการรักษาตัวดีเหมือนคนใหญ่คนโต ที่ทำให้หายป่วยอย่างรวดเร็ว และมีการจับตามองว่า "นายเอกราช" จะมาปรากฎตัวที่สภาในวันที่14 ก.พ.หรือไม่ เนื่องจากประธานสภาได้นัดประชุมร่วมรัฐสภาอีกครั้งหลังจากเมื่อวานนี้ "สภาล่ม"เสียก่อน
อนึ่ง เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ศาลจังหวัดขอนแก่น รับคำร้องขอเลื่อนการฟังคำพิพากษาคดี "นายเอกราช ช่างเหลา" ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย ยักยอกทรัพย์สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 430 ล้านบาท ไปเป็นวันที่ 17 เม.ย.68 หลังแพทย์ รพ.พญาไท2 ออกใบรับรองอาการป่วยหลายโรค ต้องแอดมิดเป็นผู้ป่วยใน ไม่กำหนดวันออกโรงพยาบาล
สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในคดีหมายเลขดำที่ อ258/2564 ที่พนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น เขต4 พรรคภูมิใจไทย จำเลย ในฐานความผิดร่วมกันยักยอกทรัพย์ ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอม กรณีทุจริตเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น กว่า 431 ล้านบาท ระหว่างปี 2554-2562 ในขณะดำรงตำแหน่งผู้จัดการสหกรณ์ฯ ซึ่งศาลจังหวัดขอนแก่น ได้มีการนัดฝ่ายโจทก์และจำเลยมาฟังคำพิพากษาคดี
โดยก่อนที่ศาลจะอ่านคำพิพากษาคดีดังกล่าว ทีมทนายฝ่ายจำเลย ได้ยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษา โดยอ้างว่า นายเอกราชฯ จำเลย ไม่สามารถเดินทางมาที่ศาลเพื่อฟังคำตัดสินได้ เนื่องจากมีอาการป่วยด้วยโรคหลอดลมอักเสบ
ขณะนี้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพญาไท2 กทม. และยังไม่มีกำหนดวันออกจากโรงพยาบาล ซึ่งในประเด็นนี้อัยการ ฝ่ายโจทก์ และโจทก์ร่วมแย้งว่า อาการป่วยของจำเลย ไม่ได้รุนแรงจนถึงขั้นไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ ก่อนที่คณะผู้พิพากษา ศาลจังหวัดขอนแก่น จะมีการประชุมพิจารณา โดยใช้เวลากว่า 1 ชม. จึงมีความเห็นว่า ให้ฝ่ายจำเลยติดต่อแพทย์เจ้าของไข้ของจำเลย เพื่อให้แพทย์ทำความเห็นเกี่ยวกับอาการป่วยของจำเลย เพื่อนำมาใช้พิจารณาว่ามีเหตุสมควรตามคำร้องหรือไม่ ภายในเวลา 14.00 น.
กระทั่งเวลา 15.00 น. คณะผู้พิพากษาได้ขึ้นนั่งบัลลังก์ อ่านคำวินิจฉัยพิจารณาคำร้องขอเลื่อนฟังคำตัดสินของจำเลย หลังจากที่ทนายฝ่ายจำเลย ได้นำเอกสารคำรับรองอาการป่วยของนายเอกราชฯ จำเลย มายื่นต่อศาลเพิ่มเติมตามคำสั่งก่อนหน้านี้ โดยสาระสำคัญในเอกสารรับรองจากแพทย์ รพ.พญาไท2 กทม. ซึ่งเป็นแพทย์เจ้าของไข้ของนายเอกราชฯ ระบุว่า นายเอกราชฯ มีอาการหลอดลมอักเสบ ไซนัส กรดไหลย้อน เครียดนอนไม่หลับ ข้อเท้าอักเสบ และมีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ซึ่งเป็นผลจากการนอนกรน
รวมทั้งเป็นผู้สูงวัย โดยได้เข้ารับการรักษาที่ รพ.พญาไท2 ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.68 ที่ผ่านมา ซึ่งแพทย์เห็นสมควรให้นายเอกราชฯ เข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน ทั้งนี้ แพทย์ไม่ได้ระบุระยะเวลาในการรักษาว่าถึงเมื่อใด จากเหตุผลดังกล่าวจึงอนุญาตให้เลื่อนการฟังคำตัดสินออกไปเป็นวันที่ 17 เม.ย.68 เวลา 09.00 น.
ด้านนายอนุศาสตร์ สอนศิลพงศ์ ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนเเก่น จำกัด พร้อมสมาชิกที่เดินทางมารอรับฟังคำตัดคดี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังลงจากห้องพิจารณาคดีว่า พวกตนได้ทำหน้าที่ในการพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น อย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งเมื่อศาลมีข้อวินิจฉัยในการเลื่อนการฟังคำตัดสิน พวกตนก็น้อมรับและไม่ก้าวล่วง ส่วนในประเด็นที่ฝ่ายจำเลยมีการแถลงอ้างว่า ได้มีการเจรจาพูดคุยกับคนของสหกรณ์ฯ ว่า หากยินยอมให้เลื่อนการตัดสินออกไปเป็นหลังวันที่ 11 เม.ย.68 นั้น
ทางจำเลยยินยอมที่จะชำระเงินค่าดอกเบี้ยให้ จำนวน 27 ล้านบาทนั้น ยืนยันว่า ทางคณะกรรมการสหกรณ์ฯ ไม่รับรู้ด้วยและไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีผลใด ๆ การดำเนินคดีทางกฎหมายยังคงเป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งหลังจากนี้ทางสหกรณ์ฯ ก็จะเดินหน้าเอาผิดกับนายเอกราชฯ ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์” หลังจากที่ ป.ป.ช.ทำการตรวจสอบพบว่า นายเอกราชฯ ได้ทำการโอนเงินออกจากสหกรณ์ฯ จำนวนกว่า 200 ล้านบาท ในช่วงปี 2559 โดยไม่มีหลักฐานการอนุมัติจากคณะกรรมการดำเนินการชุดที่ 54 ปี ปี 2559 แต่อย่างใด ทำให้ดอกเบี้ยที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด เสียหายเสียประโยชน์ จำนวน 2,187,594.58 บาท ซึ่งเป็นการตรวจสอบพบครั้งล่าสุด และเป็นคนละส่วนกับเงิน จำนวน 430 ล้านบาท ที่กำลังอยู่ในการพิจารณาตัดสินคดีของศาลจังหวัดขอนแก่น